เว็บอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จีนเปิดแผนบุกไทย รุกหาพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นหวังสร้างระบบทำงานร่วม เมินแผนควบกิจการ-เปิดสำนักงาน

พร้อมชี้ช่องธุรกิจเอสเอ็มอีใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ฟื้นตัวหลังวิกฤติน้ำท่วม

นายไบรอัน เอ.วอง รองประธานฝ่ายพัฒนาผู้ผลิตสินค้าระดับสากลของอาลีบาบา ดอทคอม (Alibaba.com) กล่าวว่า บริษัทกำลังมองหาพันธมิตรท้องถิ่นใน ไทย ทั้งกลุ่มธุรกิจองค์กร เช่น ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ และธุรกิจอื่นๆ เพื่อสร้างระบบการทำงานร่วมกัน และช่วยขยายการเติบโตให้ตลาดการค้าขายออนไลน์ หรือธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ทั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายการลงทุนในไทย ทั้งทางตรง และทางอ้อม โดยต้นเดือนที่ผ่านมาบริษัทเพิ่งลงนามความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการส่งออก เป็นรายแรก เพื่อส่งเสริมการส่งออกของไทย เน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านอีคอมเมิร์ซให้ธุรกิจขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)

แต่ปัจจุบันอาลีบาบายัง ไม่มีแผนตั้งบริษัทในไทย หรือแผนซื้อธุรกิจเว็บไซต์ที่กำลังเป็นกระแสขณะนี้ เนื่องจากต้องใช้ความรอบคอบ ขณะเดียวกันบริษัทกำลังให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับพันธมิตรมากกว่า

“เรามีทีมที่รับผิดชอบตลาดไทย 8 คน แต่บางส่วนไม่ได้ดูแลเฉพาะไทยอย่างเดียว เช่น เจ้าหน้าที่การเงิน และทีมกฎหมายที่จะดูตลาดในหลายประเทศด้วย เราใช้คนไม่มาก ทำให้ยังไม่ต้องมีสำนักงานในไทย แต่ก็ดูโอกาสอยู่เหมือนกัน ซึ่งตอนนี้เรามีออฟฟิศดูอยู่แล้วหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย”

พร้อมกันนี้ เขาประเมินว่า ไทยกำลังเป็นตลาดสำคัญ โดยเฉพาะด้านการส่งออก และเป็นประเทศที่มีสินค้าคุณภาพดีทำให้บริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ๆ เริ่มเข้ามาลงทุนขยายตลาดมากขึ้น

ประกอบกับเป็นช่วงที่ประเทศกำลังจะเข้าสู่การเปิดตลาดเศรษฐกิจเสรีในกลุ่มอาเซียนทำให้ความน่าสนใจมีมากขึ้น โดยอาลีบาบายังคงเน้นการเป็นตลาดกลางสำหรับการค้าส่งในกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นหลัก

นายวองระบุว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยกำลังขยายตัว ปัจจุบันมีจำนวนราว 18 ล้านคน หรือสัดส่วนราว 27-28% ของประชากรทั้งประเทศ และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสเติบโตของผู้จะเข้ามาทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แต่มีอุปสรรคสำคัญของการเติบโตของเอสเอ็มอีคือ การลงทุน

อย่างไรก็ตามเขาแนะว่า ปีที่ผ่านมาธุรกิจในไทยประสบปัญหาอย่างหนักช่วงที่น้ำท่วมใหญ่ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่มีจำนวนมาก แต่ก็สามารถใช้โอกาสนี้นำเทคโนโลยี หรือหันมาให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจโดยใช้ระบบอีคอมเมิร์ซ เพื่อฟื้นตัวได้

"ไทยกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาที่สำคัญก่อนที่จะเข้าสู่เออีซี ซึ่งจะทำให้เกิดการค้าเสรี และเป็นจังหวะที่เอสเอ็มอีจะใช้อีคอมเมิร์ซออกสู่ตลาดต่างประเทศ สิ่งสำคัญที่เรามองคือ เอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร"

ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนใช้งานเว็บไซต์อาลีบาบาใน ไทย 226,000 ราย เป็นผู้ซื้อราว 50% และซัพพลายเออร์อีก 50% คิดเป็นสัดส่วนสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 3,700 คนต่อเดือน อัตราการเติบโต 25% ปีต่อปี และมีรายได้หลักจากการเก็บค่าสมาชิกแบบโกลด์ ซัพพลายเออร์

ตลาดหลัก 3 อันดับแรกคือ สหรัฐ อินเดีย และจีน ส่วนสินค้าที่ขายดีสูงสุดคือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าเกษตรกรรม และเครื่องนุ่งห่ม