เซนไนเซอร์ รุกตลาดหูฟัง รับกระแสความนิยมฟังเพลงผ่านไอโฟน ไอแพด สมาร์ทโฟน เติบโต ระบุมูลค่าตลาดปีละ 300-400 ล้านบาท ตั้งเป้าปีหน้าขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งครองมาร์เก็ตแชร์ 30% ล่าสุดตั้งเจนเนอเรชั่น เอส ช่วยขยายสู่กลุ่มผู้ใช้ทั่วไป พร้อมหนุนตั้งคอนเซ็ปต์สโตร์
นายเอิง จี ซุน ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนไนเซอร์ เอเซีย จำกัด เปิดเผยว่าตลาดหูฟังของไทยมีการเติบโตสูงในภูมิภาคนี้ เนื่องจากตลาดสมาร์ทโฟน ไอโฟน ไอแพด และไอพอด ซึ่งผู้บริโภคมีพฤติกรรมหันมาฟังเพลง และรับความบันเทิงต่างๆ ผ่านอุปกรณ์ดังกล่าวขณะการเดินทางมากขึ้น ทั้งนี้ประเมินว่าตลาดรวมในไทยมีมูลค่าประมาณ 300-400 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20-30% ต่อปี
"จากแนวโน้มการเติบโตดังกล่าวบริษัทจึงได้ตั้งบริษัทเจนเนอเรชั่น เอส จำกัด ขึ้นมาเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เพื่อทำตลาดผ่านช่องทางจำหน่ายของเจนเนอเรชั่น เอส ไปยังกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป จากเดิมการทำตลาดส่วนใหญ่จะมาจากผู้นำเข้าอิสระ นำสินค้าเข้ามาทำตลาดผู้ใช้ระดับมืออาชีพเป็นหลัก คาดว่าที่ผ่านมามีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 7-10% เท่านั้น"
ทั้งนี้คาดว่าภายหลังจากมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วจะช่วยให้ บริษัทสามารถขยายตลาดไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยจุดแข็งของเซนไนเซอร์ คือ ธุรกิจหลักเป็นผู้ผลิตหูฟังอย่างเดียว ทำให้มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีด้านหูฟัง โดยมีรุ่นให้เลือกกว่า 200 แบบ มีราคาครอบคลุมตั้งแต่ 300-40,000 บาท และออกแบบหูฟังให้เหมาะกับความต้องการลูกค้าแต่ละกลุ่ม อาทิ กลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟน เอ็มพี3 กลุ่มสปอร์ต กลุ่มผู้เดินทาง และกลุ่มเพื่อความบันเทิง
ขณะเดียวกัน บริษัทจะให้การสนับสนุนทางการตลาดกับเจนเนอเรชั่น เอส โดยตามแผนปีนี้จะลงทุนจัดตั้งคอนเซ็ปต์สโตร์ และขยายช่องทางจำหน่าย เพื่อนำเสนอเทคโนโลยี และเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัส ทดลองใช้งาน ซึ่งเป้าหมายในระยะยาวนั้นคาดว่าภายในปี 2556 จะมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 คือ 30%
ด้านนายสรศักดิ์ วงศ์ชินศรีสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทเจนเนอเรชั่น เอส จำกัด กล่าวว่าบริษัทมีแผนทำตลาดหูฟังแบรนด์ เซนไนเซอร์ ผ่านช่องทางจำหน่ายค้าปลีกในห้างชื่อดังที่มีอยู่ 70-80 แห่ง คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะขยายให้ครบ 100 แห่ง ขณะเดียวกันยังได้จัดตั้งคอนเซ็ปต์สโตร์ ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 5 ห้างมาบุญครอง เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองใช้งานสินค้า รวมถึงเป็นศูนย์ให้บริการหลังการขายกับลูกค้าด้วย
นอกจากนี้ยังจะมุ่งเน้นการทำตลาดไปยังร้านค้าปลีกในหัวเมืองใหญ่ ทั้งชลบุรี เชียงใหม่ และพิษณุโลก และยังอยู่ระหว่างการเจรจาขายผ่านช่องทางร้านไอสตูดิโอ ของแอปเปิลด้วย โดยมีแผนขยายตลาดกลุ่มใหม่ อาทิ ผู้ให้บริการคอลล์เซ็นเตอร์ กลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจ และกลุ่มสำนักงานต่างๆ
"ความต้องการแบรนด์เซนไนเซอร์ในไทยมีค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้มืออาชีพที่นิยมใช้แพร่หลาย อย่างไรก็ตามบริษัทได้เห็นโอกาสการเติบโตในกลุ่มลูกค้าทั่วไป ที่มีพฤติกรรมนิยมฟังเพลง และรับชมความบันเทิงขณะการเดินทางบนรถไฟฟ้าหรือรถโดยสาร ผ่านสมาร์ทโฟน ไอโฟน และไอแพดมากขึ้น จึงต้องการขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปให้มากขึ้น โดยปีนี้มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับกลุ่มมือถือ กลุ่มไลฟ์สไตล์ และกลุ่มของดีเจด้วย"