มื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ซ้ำยังลุกลามไปถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในการลงทุนและใช้ไอทีเพื่อขับเคลื่อน องค์กร วิธีขายในรูปแบบเช่าใช้ หรือจ่ายตามการใช้งาน (Pay per use) จึงเป็นโมเดลรูปแบบใหม่ที่ผู้ประกอบการในแวดวงไอทีและโทรคมนาคมต่างพยายาม มุ่งสู่ทิศทางนี้

การเปลี่ยนแปลงล่าสุดของ “ซิสโก้” สร้าง New Consumption Model ในรูปแบบเช่าใช้และแฟรนไชซิ่ง น่าจะทำให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน โดยซิสโก้เชื่อไม่เพียงช่วยผลักดันสินค้าถึงมือลูกค้ารวดเร็ว และตรงความต้องการ ยังเป็นวิธีที่จะทำให้ซิสโก้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ผลพวงจากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการหลอมรวม 4 เทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเลต โน้ตบุ๊ก และอินเทอร์เน็ตทีวี หรือแม้แต่กระแสของคลาวด์ คอมพิวติ้ง และความนิยมในการใช้งานโมบิลิตี้ที่เพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดพฤติกรรมการพกพาอุปกรณ์เฉลี่ย 2 ชิ้นต่อคน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 5 ชิ้นต่อคนภายในปี 2020 สิ่งเหล่านี้ยังเป็นตัวผลักสำคัญที่ทำให้แนวโน้มการลงทุนของภาครัฐและองค์กร ธุรกิจเริ่มเปลี่ยนโฉมหน้า
“ภาครัฐและองค์กรยังมีการลงทุนไอทีต่อเนื่อง แต่สิ่งหนึ่งที่จะเปลี่ยนไป คือ วิธีใช้หรือการลงทุนในไอที จากการลงทุนใช้เองในองค์กร มาสู่การเช่าใช้มากขึ้น”
ดร.ธัชพล โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว และบอกว่า กลุ่มเอนเตอร์ไพรส์และสถาบันการเงินการธนาคารนับเป็นเซกเตอร์ที่มีการเติบโต มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร เนื่องจากต้องปรับตัวเองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 3 ปี ทำให้ต้องมีการลงทุนระบบบริการเพื่อรองรับการขยายตัว
ขณะที่ภาครัฐจะมีเงินลงทุนจำนวนมากเช่นกัน โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน สมาร์ท ไทยแลนด์ และอี-ซิติเซ็น เป็นต้น ส่วนต่างจังหวัด ก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากการกระจายอำนาจขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและตำบล
แต่สิ่งที่จะเริ่มเปลี่ยนไปและเห็นชัดมากขึ้น คือ แนวโน้มการใช้หรือลงทุนในไอทีของหน่วยงานและองค์กรต่างๆ เหล่านี้ จะหันมาสู่การเช่าใช้มากขึ้น เพราะช่วยองค์กรประหยัดต้นทุนได้มาก
จากแนวโน้มพฤติกรรรมที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว จึงเป็นเหตุผลที่ซิสโก้ได้สร้างโมเดลรูปแบบการขายใหม่ New Consumption ในรูปแบบการเช่าใช้ของ หรือจ่ายเมื่อใช้ (Pay per Use) และแฟรนไชซิ่งเพื่อเสริมกับรูปแบบการขายเดิมที่เป็นการขายตรงและผ่าน พาร์ตเนอร์
รูปแบบการขายใหม่นี้ เป็นเทรนด์โลก ในต่างประเทศเริ่มมาระยะหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะเป็นช่องทางที่ช่วยให้สินค้าเข้าถึงผู้ใช้ได้ง่าย รวดเร็ว และตรงกับความต้องการแล้ว ยังจะช่วยให้ธุรกิจของซิสโก้เติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย


สำหรับตลาดในเมืองไทย โมเดลดังกล่าวเพิ่งเริ่มเมื่อปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน ซิสโก้เริ่มนำโมเดลการเช่าใช้มาใช้ในการทำตลาด เช่น ผนึกกับฮาตาริในการติดตั้ง ดิจิตอล ไซเนจ (Digital Signage) บนระบบคลาวด์ เบื้องต้นนำร่อง 1,000 ชิ้น นอกจากนี้ ในตลาดเทเลพรีเซนต์ เอ็กซ์เชนจ์ ซิสโก้ยังมีการลงทุนทำฮับให้ เพื่อให้หน่วยงานราชการหรือองค์กรต่างๆ มาเช่าใช้ เช่น ลงทุนตั้งฮับที่ศูนย์ราชการย่านแจ้งวัฒนะ หากหน่วยงานราชการแห่งใดต้องการใช้ ก็สามารถติดต่อเช่าใช้กับศูนย์ราชการและจ่ายเงินตามการใช้งาน อีกทั้งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับทางเซเรเนด คลับ เพื่อติดตั้งเทเลฮับ
แม้แต่การลงทุนตั้งศูนย์สำรอง (DR Site) เพื่อให้บริการกับลูกค้ากลุ่มองค์กรในรูปแบบ Disater As a Service ก็สามารถทำได้ เพราะแม้ปัจจุบันองค์กรใหญ่จะมีการตั้งศูนย์สำรองแล้ว แต่ก็ยังมีความเสี่ยง ส่วนรูปแบบแฟรนไชซิ่ง เบื้องต้นจะเป็นการผนึกกับเซอร์วิส โพรวายเดอร์ เป็นหลัก
รายได้จากโมเดลดังกล่าวจะแตกต่างไปจากเดิม โดยการเช่าใช้ รายได้จะมาจากการแบ่งปันผลกำไร (Revenue Sharing) ขณะที่แฟรนไชซิ่ง จะมาจากการเหมาสัมปทาน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับรูปแบบเดิม รายได้จะมาจากการจำหน่ายสินค้าโดยตรงทั้งหมด
“เรามีการศึกษาและเลือกพาร์ตเนอร์ในการร่วมลงทุน โดยศึกษาจากประเทศที่ทำมาแล้ว หากไม่คุ้มก็ไม่ทำ หรือในกรณีที่พาร์ตเนอร์มองเห็นศักยภาพในตลาดใด เราก็เปิดโอกาสให้พาร์ตเนอร์ลงทุนเอง”
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของโมเดลใหม่คิดเป็น 1 ใน 3 เท่านั้น แต่ในอีก 3 ปีข้างหน้า รายได้ส่วนนี้จะเพิ่มเป็น 50% ของรายได้รวมทุกช่องทาง และมั่นใจว่าสิ้นปีจะช่วยดันยอดขายซิสโก้เติบโต 15%