User Online ( 11 ) 
 ระบบสมาชิก  ตั้งเป็นหน้าแรก  แจ้งโอนเงิน
 ตะกร้าสินค้า ( 0 Item ) 
Home » ข่าว » เอวีชิงเปิดเกมจับ “อีโคไลฟ์”
 
 ค้นหาสินค้า
 ตู้ Close Rack (31)
 ตู้ Wall Rack (9)
 ตู้ Open Rack (5)
 ตู้ Rack Accessories (39)
 สายLAN(UTP) สายแลน (183)
 เครื่อง Server (35)
 เครื่องสำรองไฟ UPS (62)
 
 สมัครสมาชิกจดหมายข่าว
สมัครรับจดหมายข่าว รับข้อเสนอพิเศษ จากร้านค้า
 ข่าว

เอวีชิงเปิดเกมจับ “อีโคไลฟ์”

กระแสอีโคไลฟ์ตัวแปรพลิกเกมปั้นผู้นำตลาดเอวี
ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ตื่นยุคอีโคพาสินค้าต้องปรับตัว
พานาโซนิค-แอลจี-โตชิบา ชิงปักธงในใจผู้บริโภค
เชื่ออีโคโปรดักส์ครองตลาดเบ็ดเสร็จในอนาคตอันใกล้

ปี 2012 กลายเป็นสมรภูมิที่เครื่องใช้ไฟฟ้าจัดทัพผลิตภัณฑ์เพื่อเดินหน้าการทำตลาด สินค้าเพื่อโลกสีเขียวกันเข้มข้นยิ่งขึ้น เพราะทุกค่ายมองว่าวันนี้อีโคโปรดักส์ไม่ใช่กระแสอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อสินค้าที่ตอบ โจทย์เรื่องอีโคไลฟ์
การปั้นตลาดอีโคโปรดักส์นั้น ถึงขนาดที่ค่ายยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น อย่าง “พานาโซนิค” กำหนดให้ปี 2018 ซึ่งพานาโซนิคจะครบรอบ 100 ปีของบริษัท ด้วยการขึ้นเป็นผู้นำตลาดอีโคโปรดักส์
“เรามีวิสัยทัศน์ในการเป็นบริษัทนวัตกรรมสีเขียวอันดับ 1 ของโลก”
เป็นคำกล่าวของ โทชิฮิโร มาจิมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค เอ.พี.เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ด้วยเป้าหมายดังกล่าวส่งผลให้ปีนี้ พานาโซนิคพร้อมที่จะเคลื่อนทัพสินค้าอีโคโปรดักส์เพื่อสร้างตลาดอย่างหนัก โดยพานาโซนิคจะมีการนำเทคโนโลยี “อีโคเนวี่” (ECONAVI) เข้ามาใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องฟอกอากาศ โดยในปี 2012 สินค้าพานาโซนิคทั้งหมดนี้จะมีสินค้าประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น คิดเป็น 60% ของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด
“อีโคเนวี่จะเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญในการทำตลาดของพานาโซนิคในปีนี้ เน้นกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่นอกจากจะช่วยประหยัด พลังงานได้สูงสุดแล้ว ยังให้ประสิทธิภาพการทำงานที่สมบูรณ์แบบ” ยูคิ ฮอนดะ ผู้อำนวยการส่วนการตลาดและการวางแผน กล่าว
จุดขายในแต่ละผลิตภัณฑ์ของพานาโซนิคที่ชูเรื่องอีโคเนวี่นั้น ในส่วนของเครื่องปรับอากาศนอกจากการประหยัดไฟกว่า 50% ด้วยระบบอินเวอร์เตอร์ แต่ระบบอีโคเนวี่ด้วย 4 ระบบเซ็นเซอร์อัตโนมัติ สามารถทำความเย็นเฉพาะที่มีคนอยู่ ทำให้ไม่เปลืองพลังงานในพื้นที่ว่าง ลดพลังงานลงอัตโนมัติเมื่อมีกิจกรรมเคลื่อนไหวน้อย
ส่วนผลิตภัณฑ์ตู้เย็น การนำระบบอีโคเนวี่เข้าใช้ช่วยประหยัดไฟเพิ่มอีกถึง 10% เพราะระบบอีโคเนวี่ช่วยจดจำช่วงเวลาเปิด-ปิดตู้เย็น เพื่อลดพลังงานช่วงที่ใช้น้อย ตรวจจับความเข้มของแสง ลดพลังงานเวลากลางคืน ลดพลังงานอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิภายในห้องต่ำ และลดพลังานอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิในตู้เย็นต่ำหรือปริมาณอาหารในตู้น้อย
สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าเมื่อเพิ่มนวัตกรรมอีโคเนวี่ เซ็นเซอร์อัตโนมัติจะช่วยตรวจวัดปริมาณผ้าให้สมดุลกับปริมาณน้ำ ช่วยให้ประหยัดน้ำเพิ่มขึ้น 40% และตรวจวัดอุณหภูมิน้ำ หากน้ำมีอุณหภูมิสูง เวลาในการซักจะลดลง ช่วยประหยัดไฟเพิ่มขึ้นถึง 45% เมื่อทำงานร่วมกับระบบอินเวอร์เตอร์ นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีอีโคเนวี่มาใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศ ทำให้เซ็นเซอร์จดจำช่วงเวลาการใช้งานช่วยให้ประหยัดพลังงานลงถึง 40%
“อีโคเนวี่คือการต่อยอดฟังก์ชั่นเพิ่มขึ้นจากอินเวอร์เตอร์ ซึ่งในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก”
พานาโซนิคมองว่าการทำตลาดอีโคโปรดักส์จะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อ เนื่อง โดยมองว่าผู้บริโภคปัจจุบันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตแต่ละรายต้องลงลึกในแต่ละผลิตภัณฑ์ยิ่งขึ้น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เข้ากับวิถีชีวิตยุคอีโคไลฟ์ ทั้งนี้ พานาโซนิคต้องการที่จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มอีโคโปรดักส์นี้ไม่ต่ำ กว่า 25% ของตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด

แอลจีกรีน 2020

ยักษ์ใหญ่แดนกิมจิอย่างแอลจี มีการตั้งคอร์ปอเรตมิชชั่น “แอลจีกรีน 2020” ที่ต้องการลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 200 ล้านตันนับตั้งแต่วันที่ประกาศจนถึงปี 2020
แอลจีกรีน 2020 ดังกล่าว ปัจจัยที่จะทำให้ประสบความสำเร็จเช่นนั้น เรื่องของการผลิตสินค้าที่ลดการใช้พลังงานถือเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้ คอร์ปอเรตมิชชั่นนั้นสำเร็จ
ปัจจุบันสินค้าแอลจีในกลุ่มประหยัดพลังงานมีหลายหมวด แต่ที่โดดเด่นทั้งยอดขายและเทคโนโลยี ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ไมโครเวฟ รวมทั้งเครื่องซักผ้า
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แอลจีได้ออกสินค้าภายใต้แนวคิด “กรีน เฮลท์พลัส” ถือเป็นการตอบรับนโยบายของแอลจีสำนักงานใหญ่ที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยี และระบบการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสูงสุด ภายใต้แนวคิดหลัก 3 ประการ คือ การพัฒนาอย่างยั่งยืน มีความรับผิดชอบต่อสังคม และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างแท้จริง
แอลจีมองเรื่องของกรีนกับเรื่องสุขภาพมาด้วยกัน เพราะนอกจากประหยัดพลังงานแล้วยังดูแลเรื่องสุขภาพด้วย สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มกรีน เฮลท์พลัส อาทิ ตู้เย็น รุ่น “อินเวอร์เตอร์ลิเนียร์คอมเพรสเซอร์” ด้วยเทคโนโลยีคอมเพรสเซอร์แนวนอน ช่วยลดการเสียดสีภายในเครื่อง ช่วยยืดอายุการใช้งานคอมเพรสเซอร์ให้ยาวนานขึ้น พร้อมประหยัดพลังงานถึง 41% หรือเครื่องปรับอากาศ “อินเวอร์เตอร์วีโฟร์ดี” ประหยัดพลังงานสูงถึง 60%
ธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ “ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์” ก่อนหน้านี้ว่า แอลจีมุ่งเน้นการนำเสนอเรื่องของนวัตกรรมที่แอลจีมีลิขสิทธิ์ มีความแตกต่างจากคู่แข่งและเป็นนวัตกรรมที่ทำให้ประหยัดพลังงาน ใช้วัสดุที่เป็นพิษน้อย สามารถรีไซเคิลได้
ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายสินค้าที่เป็นกรีนโปรดักส์ของแอลจี คิดเฉพาะในประเทศไทยอยู่ที่ 30% ของยอดขายทั้งหมด มีอัตราการเติบโตในปี 2554 ประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปี 2553
ด้านโตชิบาให้ความสำคัญกับเรื่องของกรีนมานานบริษัทหนึ่ง และมีการเริ่มดำเนินโครงการ 5 กรีน ที่ประกอบด้วย กรีนโปรดักส์ กรีนคอมปะนี กรีนเพอร์เชสซิ่ง กรีนเซอร์วิส และกรีนโซไซตี้ โดยในปีนี้จะมีการเน้นเรื่องของกรีนดีลเลอร์เป็นกรีนที่ 6 ด้วย
ในแง่ของกรีนโปรดักส์ของโตชิบานั้น สินค้าโตชิบาต้องรักษาสิ่งแวดล้อมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคิดตัวผลิตภัณฑ์ การออกแบบ วัตถุดิบที่ใช้ กระบวนการผลิต ไปจนถึงการบรรจุหีบห่อหรือแพกเกจจิ้ง การขนส่ง รวมทั้งการกำจัดทิ้งอย่างถูกวิธีที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม

อีโคโปรดักส์ไม่ใช่กระแส

ในมุมมองนักการตลาดและนักสร้างแบรนด์ อย่าง ดร.ศิริกุล เลากัยกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท Brandbeing Consultant จำกัด กล่าวกับ “ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์” ก่อนหน้านี้ว่า กรีนโปรดักส์หรืออีโคโปรดักส์ ไม่ใช่เรื่องกระแส แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำ ทั้งเจ้าของธุรกิจและผู้บริโภค เพื่อนำไปสู่การทำสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
จะเห็นได้ว่าปี 2555 นี้ เรื่องการตลาดสีเขียวหรือกรีนมาร์เกตติ้งจะถูกนำมาใช้มากขึ้นโดยปราศจากการ บีบบังคับ แต่ผู้ประกอบการยุคใหม่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เน้นการแสวงหาผลกำไรอย่าง เดียว
แนวโน้มของผู้ประกอบธุรกิจต่อจากนี้จะนำเรื่องของกรีนโปรดักส์หรืออีโคโป รดักส์มาใช้ในผลิตภัณฑ์มากขึ้น รูปแบบการทำตลาดสีเขียวก็จะถูกนำมาเกี่ยวพันโดยจะไม่ใช่ทำการตลาดเพื่อกระแส นิยม หรือที่เรียกว่า Green Washing แต่จะทำบนฐานแห่งความยั่งยืน แม้ว่าปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมยังมีอยู่จำนวน น้อย แต่เชื่อว่าจะมีคนให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
Copyright RackServerOnline.com 2010 - 2024. All rights Reserved.