ดีแทคแจงกรรมาธิการผู้บริโภคที่สภาฯ วันนี้ เผยอาจไม่ชดเชยล่มครั้งที่ 3 อ้างเป็นเหตุสุดวิสัย

นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า ขณะนี้ ฝ่ายบริหารดีแทค กำลังพิจารณาว่าจะจ่ายชดเชย หรือมาตรการเยียวยา คืนค่าบริการให้ลูกค้าหรือไม่ จากเหตุการณ์สัญญาณโทรศัพท์มือถือล่มที่ภาคใต้ วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ตั้งแต่ 12.00-15.00 น. ถือเป็นเหตุสุดวิสัย จากอุบัติเหตุรถบรรทุกเสาส่งสัญญาณเคเบิลใยแก้ว รวมถึงไฟไหม้หญ้าลามมาถูกสายเคเบิล ทำให้ดีแทคอาจ จะไม่ชดเชยค่าโทรให้ลูกค้า ซึ่งขอให้ผู้บริโภคเข้าใจประเด็นนี้ แต่ทั้งหมดจะได้ข้อสรุปอีกครั้งในปลายสัปดาห์นี้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (12 ม.ค.) ดีแทค จะเดินทางไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ที่เรียกไปชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร่วมกับตัวแทนจากกสทช. ซึ่งก็จะสรุปผลการสอบสวนสัญญาณล่มครั้งแรกวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อลูกค้า 20 ล้านราย แต่ส่วนการสรุปผลสอบสวนครั้งที่ 2 และครั้งสุดท้าย จะเป็นเพียงการรายงานปัญหาและการแก้ไขแล้วเท่านั้น ยังไม่สรุปผลสอบสวน

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ความคืบหน้าการตรวจสอบเหตุสัญญาณล่มว่า ขณะนี้ต้องรอเอกสารรายงานสาเหตุที่แท้จริงจากดีแทค รวมถึงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (ล็อก ไฟล์) เหตุขัดข้องที่ชุมสายหลักจ.สุราษฎร์ธานีเมื่อวันที่ 5 ม.ค. และแผนการปรับปรุงโครงข่ายทั้งหมด ถึงจะชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่ดีแทคชี้แจงข้อมูลเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งตามประกาศ กทช. ว่าด้วยเรื่องการใช้และเชื่อมต่อโครงข่าย ดีแทคจะต้องนำส่งเอกสารดังกล่าวภายใน 15 วันนับจากวันที่ปัญหายุติ หรือภายในวันที่ 20 ม.ค.นี้

ขณะ นี้ กสทช. มีเพียงรายงานล็อกไฟล์จากศูนย์ควบคุมที่กรุงเทพฯ เท่านั้น ทำให้ไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบ และสรุปของเหตุการณ์วันที่ 5 ม.ค. ซึ่งหากภายหลังได้รับรายงานทั้งหมดแล้ว ปรากฎข้อมูลตรงกัน กสทช.และดีแทค จะนำมาสู่การวิเคราะห์แผนการปรับปรุงโครงข่ายทั้งระบบร่วมกัน เพื่อหาความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และนำไปสู่การประกาศให้ผู้บริโภครับทราบล่วงหน้าต่อไป

“หากได้รับ เอกสารชี้แจงทั้งหมดแล้ว กสทช.จะได้นำมาตรวจสอบต่อไป ซึ่งจะทำให้เรื่องนี้ยุติ และไม่ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นอีก เพราะหากเกิดเป็นครั้งที่ 4 อีก เราคงรับไม่ได้ และสังคมคงมองว่า กสทช.ทำอะไรไม่ได้เลย คงแย่ยิ่งกว่าการถูกมองเป็นเสือกระดาษเสียอีก”