User Online ( 9 ) 
 ระบบสมาชิก  ตั้งเป็นหน้าแรก  แจ้งโอนเงิน
 ตะกร้าสินค้า ( 0 Item ) 
Home » ข่าว » 1 พันล้านแอป บิ๊กเทรนด์บิ๊กดาต้า
 
 ค้นหาสินค้า
 ตู้ Close Rack (31)
 ตู้ Wall Rack (9)
 ตู้ Open Rack (5)
 ตู้ Rack Accessories (39)
 สายLAN(UTP) สายแลน (183)
 เครื่อง Server (35)
 เครื่องสำรองไฟ UPS (62)
 
 สมัครสมาชิกจดหมายข่าว
สมัครรับจดหมายข่าว รับข้อเสนอพิเศษ จากร้านค้า
 ข่าว

1 พันล้านแอป บิ๊กเทรนด์บิ๊กดาต้า

ปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของโซเชียลมีเดีย จากทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก รวมถึงปริมาณการใช้อุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ กำลังนำไปสู่การเกิดข้อมูลต่างๆ ในระดับโลกอย่างมหาศาล ที่เรียกว่า “บิ๊กดาต้า”

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ในปี 2563 ข้อมูลจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึง 42 เท่าและภายใน 3 ปีต่อจากนั้น คาดว่าทั่วโลกจะมีแอปพลิเคชั่นเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากกว่า 1 พันล้านแอปพลิเคชั่น

“บิ๊กดาต้า” กำลังกลายเป็นปัญหาขององค์กรเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ที่ต้องรับมือกับการขยายตัวที่รวดเร็วของข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของอีเมล วิดีโอ รูปภาพ

อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น มีบทวิเคราะห์ถึงบิ๊กดาต้าในปี 2555 จะสร้างความตื่นเต้นต่อเนื่อง พร้อมมองว่าความท้าทายที่แท้จริงของบิ๊กดาต้าขณะนี้ก็คือการสร้างสภาพแวด ล้อมแบบครบวงจรสำหรับองค์กรต่างๆ ที่ขับเคลื่อนจากการเก็บข้อมูลแบบเดิมไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญที่มี อยู่

การรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถึงขนาดที่ประเทศสิงคโปร์ รัฐบาลได้เริ่มโครงการต่างๆ อาทิ โปรเจค จี-คลาวด์ (G-Cloud project) และระบบเครือข่ายความเร็วสูงแห่งชาติยุคใหม่ (Next Generation Nationwide Broadband Network) ซึ่งจะใช้ระบบคลาวด์ คอมพิวติ้งในการขับเคลื่อน เพื่อรองรับปริมาณการใช้งานข้อมูลมหาศาลที่เกิดขึ้น

10 เทรนด์ปี 2012
ระบบจัดเก็บข้อมูล

ฮิว โยชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (ซีทีโอ) บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้นำเสนอมุมมองของเขา ซึ่งมักจะมองเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้อย่างถูกต้องและแม่นยำภายใต้ การวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้ต่อแนวโน้ม 10 อันดับแรกที่จะเกิดขึ้นกับระบบจัดเก็บข้อมูลในปี 2555 ว่า

หนึ่ง ความมีประสิทธิภาพของระบบจัดเก็บข้อมูล (Storage efficiency) : ความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีต้องทำให้ได้รับผลตอบแทนมากขึ้นจากสินทรัพย์เดิม ที่มีอยู่ แทนที่จะต้องซื้อสินทรัพย์เข้ามาใหม่ โดยจะให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของระบบจัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้น เช่น ระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริง (storage virtualization) การจัดสรรพื้นที่แบบจำกัดตามการใช้งานจริง (dynamic or thin provisioning) การจัดเก็บข้อมูลตามระดับชั้นความสำคัญข้อมูลตามใช้งานจริง (dynamic tiering) และการจัดเก็บข้อมูลถาวร (archiving)

สอง การผสานรวมระบบเข้าด้วยกัน (Consolidation to convergence) : การรวมระบบเข้าด้วยกันจะนำไปสู่แนวทางการผสานรวมที่ครอบคลุม โดยจะเห็นได้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดไอทีได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการรวมระบบและัคุณสมบัติที่มีประโยชน์ ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับการผสานรวมเซิร์ฟเวอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล เครือข่าย และแอปพลิเคชั่น เข้าไว้ด้วยกัน โดยอาศัยแอปพลิเคชั่นโปรแกรมมิ่งอินเตอร์เฟซ (Application programming interfaces (APIs)) จะช่วยกำจัดภาระงาน (workload) ให้กับระบบจัดเก็บข้อมูล ทำให้เซิร์ฟเวอร์และหน่วยความจำมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ซอฟต์แวร์การจัดระเบียบจะช่วยในการผสานรวมการจัดการและทำให้การจัด สรรทรัพยากรเป็นไปโดยอัตโนมัติ ตลอดจนสามารถจัดทำรายงานระหว่างโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย ระบบจัดเก็บข้อมูล รวมถึงเซิร์ฟเวอร์แบบเฉพาะที่ แบบระยะไกล และแบบคลาวด์ได้

สาม การบริหารระบบที่เข้าถึงได้อย่างชัดเจน (Transparency) : แอปพลิเคชั่นและโครงสร้างพื้นฐานจะสามารถเข้าถึงระหว่างกันได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การผสานรวมผ่านอินเตอร์เฟซแบบเปิด เช่น API, ไคลเอนต์/ตัวให้บริการ และปลั๊กอินเป็นเรื่องง่าย โดยฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้นำเสนอ Hitachi Command Director ที่ให้มุมมองระดับบริการ การใช้ประโยชน์ และสภาพของโครงสร้างพื้นฐานระบบจัดเก็บข้อมูลที่อยู่เบื้องหลังระบบจัดเก็บ ข้อมูลเสมือนที่พวกเขากำลังใช้งานอยู่ได้อย่างชัดเจน

สี่ ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบศูนย์ประมวลผล (Storage computerization) : ระบบจัดเก็บข้อมูลจะต้องเปลี่ยนเป็นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบศูนย์ประมวลในตัว เอง เนื่องจากมีการเพิ่มฟังก์ชั่นมากมายให้กับระบบดังกล่าว สถาปัตยกรรมระบบจัดเก็บข้อมูลดั้งเดิมที่มีคอนโทรลเลอร์สำหรับวัตถุประสงค์ ทั่วไปซึ่งรองรับฟังก์ชั่นใหม่ทั้งหมดนี้พร้อมรองรับภาระงานอินพุต/เอาต์พุต แบบปกติจะไม่สามารถปรับขยายได้อีก ดังนั้น สถาปัตยกรรมระบบจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่มีแหล่งรวมของตัวประมวลผลในตัวเอง ที่ถูกแยกออกมาจะเป็นที่ต้องการอย่างมากเพื่อนำมาใช้ในการจัดการฟังก์ชั่น เพิ่มเติมดังกล่าว

ห้า ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) : ในปี 2555 ข้อมูลจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็น “ข้อมูลขนาดมหึมา” (Big Data) เนื่องจากการเพิ่มจำนวนอย่างมหาศาลของข้อมูลแบบ Unstructured Data และแอปพลิเคชั่นบนชุดอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ ซึ่งหากสามารถจัดการและเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะก่อให้เกิดโอกาสอย่างมากมายสำหรับการสร้างมูลค่าทางธุรกิจ ข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน และข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม การนำชุดข้อมูลขนาดใหญ่ไปใช้ในการทำซ้ำ สำรองข้อมูล การทำข้อมูลผ่านทางเครื่องมือแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถบรรลุผลตามที่ต้องการ ได้ จะเห็นได้ว่าข้อมูลขนาดใหญ่สามารถนำไปสู่สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ได้ ดังนั้น ในปี 2555 จะมีการนำแพลตฟอร์มเกี่ยวกับเนื้อหาเข้ามาใช้ในการจัดเตรียมการวิเคราะห์ ข้อมูลขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น

หก การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy efficiency) : พลังงาน ระบบทำความเย็น และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ หรือร่องรอยคาร์บอน (Carbon footprint) จะกลายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อความต้องการด้านพลังงานเพิ่ม สูงขึ้น และประเทศต่างๆ เริ่มบังคับใช้ภาษีคาร์บอน โดยฝ่ายไอทีจะต้องเข้ามามีส่วนในการรับภาระด้านพลังงานนี้ด้วย

เจ็ด บริการกำหนดรูปแบบเทคโนโลยีที่เหมาะสม (Ergonomic services) : ช่องว่างระหว่างการใช้เทคโนโลยีและการดำเนินการของฝ่ายไอทีจะกลายเป็นสิ่ง สำคัญเมื่อองค์กรธุรกิจต้องการผลักดันให้ฝ่ายไอทีปรับใช้เทคโนโลยีให้รวด เร็วยิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถสร้างประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิมได้เพิ่ม ขึ้น ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดความต้องการในด้านบริการเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อช่วยลดภาระงานที่พนักงานไอทีต้องดำเนินการและช่วยเร่งการนำเทคโนโลยี ใหม่เข้ามาใช้งาน

แปด การปรับขยายระบบจัดเก็บข้อมูล (Storage scaling) : องค์กรต้องการระบบเซิร์ฟเวอร์และเดสก์ทอปเสมือนจริงเพิ่มขึ้นเพื่อปรับขยาย ระบบจัดเก็บข้อมูลไม่ให้เกิดการกระจัดกระจายเนื่องจากความต้องการ เซิร์ฟเวอร์ที่เพิ่มขึ้น ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบโมดูลจะต้องได้รับการแทนที่ด้วยระบบจัดเก็บข้อมูล องค์กรที่สามารถตอบสนองภารกิจสำคัญของเซิร์ฟเวอร์เสมือนจริงได้ ขณะเดียวกันสถาปัตยกรรมระบบจัดเก็บข้อมูลแบบสเกล-เอาต์ (scale-out) จะไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านการปรับขยายแบบ สเกล-อัพ (scale-up) ของระบบเซิร์ฟเวอร์และเดสก์ทอปเสมือนจริงได้

เก้า การย้ายข้อมูลแบบเสมือน (Virtualized migration) : การย้ายข้อมูลของอุปกรณ์แบบต้องหยุดระบบจะถูกแทนที่ด้วยความสามารถใหม่ของ ระบบเสมือนจริงที่การย้ายข้อมูลไม่จำเป็นต้องรีบูตระบบใหม่

สิบ การปรับใช้ระบบคลาวด์ (Cloud acquisition) : การปรับใช้ระบบคลาวด์ ทั้งในแบบบริการตนเอง แบบจ่ายเท่าที่ใช้งาน และตามความต้องการ ได้เริ่มเข้ามาแทนที่วงจรการปรับใช้ผลิตภัณฑ์ปัจจุบันที่มีระยะเวลาระหว่าง 3-5 ปี เนื่องจากการผสานรวมเริ่มที่จะสร้างแหล่งรวมทรัพยากรแบบผสมผสานขึ้นมา
Copyright RackServerOnline.com 2010 - 2024. All rights Reserved.