เอชพีเผยกลยุทธ์สตอเรจครบวงจร ระบุมีเทคโนโลยีสตอเรจตอบสนองธุรกิจตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่ แถมยังสามารถบริหารจัดการสตอเรจให้คุยกับระบบไอทีทั้งเซิร์ฟเวอร์และ เน็ตเวิร์กได้เป็นเนื้อเดียว โดยเวลานี้เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดเอเซียแปซิฟิก

นายไมค์ พริเอโต้ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป หน่วยธุรกิจ เอชพี สตอเรจ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ค ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า เอชพีจะใช้กลยุทธ์ด้านสต อเรจที่เรียกว่า HP Converged Storage ที่จะเข้ามาอุดช่องโหว่ของระบบจัดการเก็บข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันของ องค์กร ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการเข้าถึงข้อมูลในระดับพื้นฐาน ด้วยการนำซอฟต์แวร์ที่เก่งในเรื่องการจัดเก็บข้อมูลที่มีการปรับขยาย ผนวกรวมไว้บนแพลตฟอร์มระบบจัดเก็บข้อมูลในส่วนของฮาร์ดแวร์ และตัวเซิร์ฟเวอร์เข้าไว้ด้วยกัน ส่งผลให้บริษัทองค์กรต่างๆ สามารถใช้และขยายระบบจัดเก็บข้อมูลได้เร็วขึ้นถึง 41% ลดเวลาในการบริการจัดการข้อมูลในระบบสตอเรจได้ถึง 90%

'HP Converged Storage ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเอชพีในตลาดสตอเรจ'

หลังจากที่เอชพีลงทุนในเรื่องนี้มากว่า 2 ปีครึ่ง ด้วยการเข้าซื้อบริษัทที่มีความโดดเด่นทางด้านสตอเรจถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะการเข้าซื้อเทคโนโลยีของ 3PAR ที่มีมูลค่าถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า เทคโนโลยีของ 3PAR นั้นเป็นที่ยอมรับในตลาด โดยกว่า 7 ใน 10 ของผู้ให้บริการคลาวด์ในสหรัฐอเมริกาเลือกใช้เทคโนโลยีสตอเรจของ 3PAR

จุดแข็งของ HP Converged Storage นั้นเป็นเรื่องความสามารถในการบริหารจัดการสตอเรจ เซิร์ฟเวอร์รวมไปถึงระบบเน็ตเวิร์กภายในองค์กร ซึ่งผู้ผลิตรายอื่นไม่มีในเรื่องเหล่านี้ อาจจะมีเฉพาะสตอเรจ แต่ไม่สามารถจัดการระบบเน็ตเวิร์ก หรือเซิร์ฟเวอร์ได้เหมือนเอชพี

การมีระบบสตอเตจที่รองรับกับการใช้งานในทุกระดับขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรที่จะก้าวไปสู่ระบบคลาวด์ อย่างในองค์กรขนาดกลางไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ หรือถ้าหากองค์กรยังไม่พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่คลาวด์ เอชพีก็มีสตอเรจทั่วไปให้เลือกใช้งาน ซึ่งมีความพร้อมที่จะขยายขอบเขตการใช้งานเพิ่มขึ้นในอนาคตได้ทันที ที่สำคัญระบบสตอเรจของเอพชีเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานที่สามารถทำงานร่วมกันกับ เทคโนโลยีอื่นของเอชพีได้

'HP Converged Storage เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ใหญ่ของเอชพีในเรื่องการหลอมรวมเทคโนโลยี สถาปัตยกรรม ซึ่งจะเป็นบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นจนจบ'

นายไมค์ ยังกล่าวอีกว่าไอดีซีคาดการณ์มูลค่าตลาดสตอเรจโดยรวมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตกประมาณ 7 พันล้านดอลาร์สหรัฐ มีการเติบโตอยู่ที่ 12% เชื่อว่า เอชพีน่าจะเป็นเบอร์หนึ่งในภูมิภาคนี้ ส่วนในประเทศไทยนั้น จากข้อมูลไอดีซีเช่นกันระบุว่า เอชพีอยู่ในอันดับ 2

นายวงศ์วิวัฒน์ ศิริทัศนกุล ผู้จัดการธุรกิจ เอชพี สตอเรจ กลุ่มธุรกิจเอนเตอร์ไพรซ์ บิสิเนส กล่าวว่า สำหรับ การทำตลาดสตอเรจในประเทศไทยนั้น ยังมีโอกาสอีกมาก ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากวันนี้องค์กรธุรกิจมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการสตอเรจที่มีอยู่ ให้ครอบคลุมการเติบโตของเซิร์ฟเวอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการบริหารจัดการอุปกรณ์ที่มาจากแบรนด์ต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้เอชพีสามารถเข้าไปเติมเต็มได้อย่างแน่นอน