อัลตร้าบุ๊กเปิดเกมสร้างประสบการณ์ใหม่ในประเทศไทยแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่ถือเป็นการหลอมรวมความสามารถทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเลตและโน้ตบุ๊กมาไว้เครื่องเดียว ตอบสนองพฤติกรรมคนใช้ที่เปลี่ยนแปลงไป และกำลังเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะต้องทำให้แท็บเลตและโน้ตบุ๊กบางเบาต้องหลีกทาง ให้

แท็บเลตยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ร้อนแรงอยู่ในตลาดขณะนี้ แต่ด้วยรูปแบบการใช้งานและข้อจำกัดเรื่องการใช้งาน ทำให้ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานของกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพ การใช้งานในรูปแบบเดียวกับโน้ตบุ๊ก และต้องตอบสนองเรื่องของการพกพาที่สะดวกเช่นเดียวกับแท็บเลต

“อัลตร้าบุ๊ก” จึงเกิดขึ้นเป็นเซกเมนต์ใหม่ที่อยู่ตรงกลางระหว่าง “แท็บเลต” และ “โน้ตบุ๊ก” เพื่อตอบพฤติกรรมของคนใช้งานที่เปลี่ยนไป กลุ่มที่จะใช้งานอัลตร้าบุ๊กนี้จะเป็นกลุ่มของคนที่ใช้งานแท็บเล็ตและโน้ต บุ๊กอยู่แล้ว

“นี่คือยุคแรกของอัลตร้าบุ๊ก และจะกลายเป็นโปรดักส์ที่ร้อนแรงและดีที่สุดในขณะนี้” เป็นทัศนะของ บุญชัย เงาวิศิษฎ์กุล รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด และว่า “ยุคที่สองของอัลตร้าบุ๊กจะได้เห็นอัลตร้าบุ๊กที่มีหน้าจอแบบสัมผัสได้ด้วย”

ทั้งนี้ เอเซอร์ถือเป็นบริษัทแรกในเมืองไทยที่เริ่มทำตลาดอัลตร้าบุ๊กด้วยการจับมือ กับทางอินเทลเปิดตัวเอเซอร์ แอสไปร์ เอส 3 อัลตร้าบุ๊ก ซึ่งถือเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์บาง เบา ใหม่ล่าสุดของโลก

เอเซอร์ มองว่าแอสไปร์ เอส 3 คืออัลตร้าบุ๊กที่เป็นวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่แห่งวงการคอมพิวเตอร์ อัลตร้าบุ๊กเอเซอร์เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความ บาง เบา รวดเร็ว และประหยัดพลังงาน รวมถึงการใช้งานด้านคอนเทนต์ได้อย่างดี ด้วยการผสมผสานคุณสมบัติของแท็บเลตและโน้ตบุ๊กเอาไว้ด้วยกัน

จากผลการวิจัยตลาดของบริษัท เทรนด์ฟอร์ส คาดการณ์ส่วนแบ่งการตลาดอัลตร้าบุ๊กปีนี้จะมีประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่จะโตแบบก้าวกระโดด เพิ่มขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2012 และในปี 2015 จะมีส่วนแบ่งการตลาดแตะอยู่ที่ระดับ 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นว่าอัลตร้าบุ๊กจะเข้ามามีบทบาทต่อการเติบโตของ อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์โดยรวมอย่างเห็นได้ชัด

ในฝั่งอินเทลมีการระบุว่าในปัจจุบัน จำนวนพีซีที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกมีจำนวนมากกว่า 1.5 พันล้านเครื่อง ซึ่งจำนวนดังกล่าวได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดจำหน่ายพีซีจำนวนกว่า 1 ล้านเครื่องที่เกิดขึ้นทุกวัน และการเปิดตัวเอเซอร์ แอสไปร์ เอส 3 อัลตร้าบุ๊ก อินเทลเชื่อมั่นว่าประสิทธิภาพของอินเทลคอร์โปรเซสเซอร์ เจเนอเรชั่น 2 ที่มีอยู่ในอัลตร้าบุ๊ก รวมถึงคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ เช่น Instant On, Instant Connect อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น รวมทั้งดีไซน์เรียบหรูที่บางเบาเป็นพิเศษ จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในการใช้ชีวิตที่ง่าย สะดวกสบาย และไม่หยุดนิ่งได้เป็นอย่างดี

บุญชัย บอกว่า รูปลักษณ์และดีไซน์ของ เอเซอร์ แอสไปร์ เอส 3 อัลตร้าบุ๊ก เป็นการปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ด้วยความบางเฉียบ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนกฮัมมิ่ง (Hummingbird) ที่มีขนาดเล็ก ไว และเบา โดยเอเซอร์ แอสไปร์ เอส 3 อัลตร้าบุ๊ก มาพร้อมหน้าจอ Thin LED ขนาด 13.3 นิ้ว ถูกออกแบบให้มีความบางเพียง 13 มิลลิเมตร น้ำหนักเบาแค่ 1.33 กิโลกรัม (ultra-thin) และความแข็งแกร่งของตัวเครื่องที่ผลิตจากวัสดุแมกนีเซียมอะลูมิเนียม อัลลอย พร้อมดีไซน์ระดับพรีเมียม การควบคุมด้วย Touch Pad ที่กว้างขึ้น พร้อมแผงคีย์บอร์ดแบบ Chiclet ทำให้สะดวกสบายในการพิมพ์ ด้านหลังตัวเครื่องเรียบไร้รอยเชื่อมต่อของแบตเตอรี่

“เอเซอร์พัฒนาแอสไปร์ เอส 3 อัลตร้าบุ๊กได้ดีกว่ามาตรฐานที่อินเทลวางไว้ ทำให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์นี้จะเป็นที่ตอบรับจากตลาดได้เป็นอย่างดี”

ทั้งนี้ เอเซอร์ได้วางราคาเริ่มต้นสำหรับแอสไปร์ เอส 3 อัลตร้าบุ๊ก เริ่มต้นที่ 27,900-49,900 บาท โดยทุกรุ่นจะติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 7 Home Premium มาพร้อมกับตัวเครื่อง รับประกันเครื่องฟรี 2 ปีเต็ม ค่าแรงและอะไหล่ พร้อมประกันภัยโน้ตบุ๊กจากอุบัติเหตุและโจรกรรม 1 ปีเต็ม และยังจัดโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่สั่งจองล่วงหน้า 100 คนแรกจะได้รับของพรีเมียม อาทิ External HD 750 GB, Huawei MiFi 3G Router, กระเป๋าหรูจาก G2000 Sleevecase และอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 10,000 บาท