เอไอเอส เดินหน้าลุย 'แอร์เน็ต' อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไร้สาย มุ่งพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ จับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการติดตั้งแบบเดินสาย และต้องการอัปโหลดความเร็วสูง ดึงเวลารอพื้นที่ครอบคลุมชิงตลาดแมสปีหน้า

นายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดวานซ์ อินเทอร์เน็ต เรโวลูชั่น กล่าวว่า บริการ ไวร์เลส บรอดแบนด์ความเร็วสูง ของแอร์เน็ต จะให้บริการผ่านไว-ไฟที่คลื่นความถี่ 5GHz ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่ต้องขอใบอนุญาต ซึ่งในการให้บริการ เอไอเอส แอร์เน็ต (AIS airnet) จะใช้เสากระจายสัญญาณที่เชื่อมต่อกับแบ็กโบนของเอสบีเอ็น (บริษัท ซูเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ตเวิร์ก) ที่เป็นบริษัทลูกในเครือของเอไอเอส ที่เป็นการเช่าใช้ภายในทำให้ไม่เปลืองต้นทุนในการวางระบบ

"เงินลงทุนที่ใช้สำหรับติด ตั้งจุดกระจายสัญญาณ 10,000 พอร์ต อยู่ในหลักสิบล้านบาทเท่านั้น จากการที่สามารถเช่าใช้อุปกรณ์ภายในบริษัท ส่งผลให้ต้นทุนในการให้บริการต่ำลง จึงสามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ในราคาที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับบรอดแบนด์เอดีเอสแอลรายอื่นที่ทำตลาดอยู่"

จุดเด่นหลักที่นายสุปรีชา เชื่อว่าไม่มีผู้ให้บริการรายอื่นในตลาดให้ได้คือ การให้บริการที่ความเร็วดาวน์โหลด และอัปโหลดเท่ากัน ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าหลักของแอร์เน็ต คือนักเรียน นักศึกษา หรือ องค์กรธุรกิจ ที่ต้องการใช้งานความเร็วในการอัปโหลด คอนเทนต์ขึ้นไปบนอินเทอร์เน็ต ทั้งภาพ และไฟล์วิดีโอความละเอียดสูง

โดยแพกเกจการให้บริการของ แอร์เน็ต สำหรับผู้ใช้ภายในบ้านทั่วไปราคาเริ่มต้นที่ 590 บาทต่อเดือน ได้ความเร็วดาวน์โหลด/อัปโหลดที่ 7/7 Mbps ขณะที่ลูกค้าที่ใช้งานภายในบ้านแต่ต้องการใช้งานในรูปแบบของฟอร์เวิร์ด พอร์ต สำหรับโปรแกรม P2P เกมออนไลน์ ให้บริการเว็บเซอร์วิส หรือพ่วงอุปกรณ์ต่อพ่วงอย่าง CCTV จะมีแพกเกจ Home Plus รองรับราคาเริ่มต้นที่ 890 บาทต่อเดือนที่ความเร็ว 7/7 Mbps เช่นเดียวกัน

สำหรับลูกค้าองค์กรธุรกิจขนาดกลางและย่อม โฮมออฟฟิศ ที่ต้องการกำหนดไอพีแอดแดรสในการใช้งานแบบ 1 ไอพี ราคาเริ่มต้นที่ 2,900 - 9,000 บาท สำหรับความเร็ว 7/7 - 50/50 Mbps แต่ถ้าต้องการ 4 ไอพี ราคาจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 3,500 - 9,600 บาท แน่นอนว่าเมื่อเป็นการให้บริการไวร์เลสบรอดแบนด์ ความเร็วที่ได้ในการใช้งานจะขึ้นอยู่กับปริมาณผู้ใช้งานในพื้นที่ และช่วงเวลา ทำให้ในการใช้งานจริงความเร็วที่ได้อาจไม่สูงสุดตลอดเวลา

ขณะที่ ข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้แอร์เน็ต ยังไม่สามารถทำตลาดแบบแมสได้คือ พื้นที่ให้บริการที่ปัจจุบัน จะครอบคลุมแถบพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครราชสีมา หาดใหญ่ และหัวหิน โดยวางแผนที่จะกระจายการให้บริการไปยังโครงการบ้านจัดสรร คอนโด หมู่บ้านที่เพิ่งเกิดใหม่ในแถบชานเมือง ที่มีข้อจำกัดที่ไวร์ไลน์ (การให้บริการแบบมีสาย) ไม่สามารถเข้าถึงได้

นายสุปรีชา กล่าวว่า จากข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ให้บริการ ทำให้รูปแบบการทำตลาดของ แอร์เน็ต จะเน้นไปที่ให้ตัวแทนขายตรงไปหาลูกค้าตามพื้นที่ให้บริการ รวมกับที่ลูกค้ากรอกข้อมูลความสนใจเข้ามาจากหน้าเว็บไซต์ เมื่อมีการขยายพื้นที่ให้บริการไปถึงก็จะติดต่อกับลูกค้าโดยตรง

"ที่ผ่านมามีลูกค้าเข้ามาใช้ งานแอร์เน็ตแล้วประมาณ 1,000 ราย และทยอยขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มต่อไป ซึ่งเชื่อว่าถ้าเปิดทำตลาดแบบแมสเมื่อใดตัวเลขผู้ใช้งานจะเพิ่มขึ้นแบบก้าว กระโดด ขณะที่ความร่วมมือกับทางเอไอเอส ในการบันเดิลบริการแอร์เน็ต กับลูกค้าที่ใช้บริการโทรศัพท์ของเอไอเอสนั้น อยู่ระหว่างการดำเนินการ และน่าจะเป็นรูปเป็นร่างในช่วงปี 2012"

นายสุปรีชา กล่าวทิ้งท้ายว่า การให้บริการแอร์เน็ตในช่วงนี้ จะเหมือนเป็นการพิสูจน์เทคโนโลยี เพื่อให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นมากกว่า เพราะการให้บริการผ่านไวร์เลสจะมีปัญหาในแง่ของพื้นที่กระจายสัญญาณที่จะ ครอบคลุมประมาณ 5 กิโลเมตรต่อจุด แต่แอร์เน็ตเลือกที่จะให้บริการในพื้นที่ไม่เกิน 3 กิโลเมตรจากจุดกระจายสัญญาณทำให้สัญญาณที่ได้รับไม่มีปัญหา