หลังจากทุ่มเงินซื้อมา 580 ล้านเหรียญ บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่อเมริกันอย่างนิวส์คอร์ป (News Corp.) เปิดเผยว่าได้ขายกิจการเว็บไซต์เครือข่ายสังคม "มายสเปซ (Myspace)" ให้กับเครือข่ายบริษัทโฆษณารายหนึ่งเป็นเงิน 35 ล้านเหรียญเท่านั้น โดยนิวส์คอร์ปจะยังถือหุ้นในมายสเปซต่อไปอีก 10% คาดจะมีการหั่นพนักงานอีกระลอกไม่ต่ำกว่า 200 ตำแหน่ง

บริษัทที่ซื้อมายสเปซไปมีชื่อว่าสเปคซิฟิคมีเดีย (Specific Media) ข้อมูลจากเว็บไซต์ All Things Digital ซึ่งเป็นเว็บล็อกในเครือนิวส์คอร์ประบุว่าบริษัทให้บริการด้านโฆษณานี้ซื้อ มายสเปซไปในมูลค่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1,050 ล้านบาท) โดยหนึ่งในกระบวนการปรับโครงสร้างหลังการซื้อขายบริษัทเสร็จสิ้น คือการปลดพนักงานออกราวครึ่งหนึ่ง จากจำนวนพนักงานปัจจุบันที่มีอยู่ 400-500 คน โดยซีอีโอ Mike Jones จะถูกถอดจากตำแหน่งและส่งมอบงานภายในเวลา 2 เดือนนับจากนี้

การขายมายสเปซครั้งนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการขาดทุนยับเยินของนิวส์คอร์ป ซึ่งทุ่มเงินมากถึง 580 ล้านเหรียญซื้อมายสเปซในปี 2005 แต่ โบราณว่ากำขี้ดีกว่ากำตด เพราะแม้มายสเปซจะเคยรุ่งเรืองสุดขีดในช่วง 6 ปีที่แล้ว แต่ในขณะนี้รัศมีของมายสเปซก็ถูกบดบังโดยเฟซบุ๊กมาอย่างต่อเนื่อง โดยนิวส์คอร์ปเปิดเผยว่านอกจากสเปคซิฟิคมีเดีย ยังมีกลุ่มทุนอิสระอย่าง Golden Gate Capital ที่เสนอซื้อมายสเปซเช่นกัน

นิวส์คอร์ปนั้นเป็นบริษัทของรูเพิร์ต เมอร์ดอช (Rupert Murdoch) เจ้าพ่อสื่อชื่อดังชาวอเมริกันซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ขณะที่มายสเปซนั้นก่อตั้งขึ้นในปี 2003 ข้อมูลจากบริษัท วิจัยคอมสกอร์ (comScore) ให้ข้อมูลว่ามายสเปซมีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ (ยูนีคไอพี) 21.8 ล้านคนต่อเดือนในเดือนสิงหาคม 2005 ซึ่งในขณะนั้นเฟซบุ๊กมีผู้ใช้ราว 8.3 ล้านคนเท่านั้น

หลังเฟซบุ๊กเริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2004 เฟซบุ๊กสามารถทำยอดผู้ใช้ได้เหนือกว่ามายสเปซครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมปี 2009 ซึ่งล่าสุด สถิติประจำเดือนพฤษภาคม 2011 เฟซบุ๊กมีผู้เข้าชมในสหรัฐฯ 157.2 ล้านคนต่อเดือน เทียบกับมายสเปซที่มี 34.9 ล้านคนในขณะนี้

สำหรับเจ้าของคนใหม่ สเปคซิฟิคมีเดียแถลงว่าได้ดึงศิลปินดังอย่างจัสติน ทิมเบอร์เลค (Justin Timberlake) มาเป็นหุ้นส่วนและวางกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์มายสเปซ คาดว่าจะสามารถสร้างสรรค์ให้มายสเปซเป็นแหล่งสื่อสารระหว่างศิลปินนักร้อง กับแฟนเพลงได้

หลังการประกาศขายมายสเปซ หุ้นของนิวส์คอร์ปพุ่งขึ้น 1.2% ทันทีที่ตลาดหุ้นวอลสตรีท เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่านิวส์คอร์ปจะสามารถดำเนินงานได้คล่องตัวมาก ขึ้น โดยไตรมาส 2 ที่ผ่านมา นิวส์คอร์ปประกาศตัวเลขขาดทุนจากการดำเนินงานสูงถึง 156 ล้านเหรียญ เป็นตัวเลขที่สูงกว่าตัวเลขขาดทุนไตรมาสก่อนหน้าถึง 31 ล้านเหรียญ