อินเทลประเทศไทยย้ำตัวเลขเดียวกับที่เคยประกาศบนเวทีงาน Computex 2011 ที่ไต้หวันช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ยอมรับมีการบ้านต้องทำอีกมากในการดันคอมพิวเตอร์พันธุ์ใหม่ "อัลตราบุ๊ก (Ultrabook)" ให้เป็นโน้ตบุ๊กส่วนใหญ่หรือเมนสตรีมในตลาด คาดอัลตราบุ๊กล็อตแรกเริ่มขายไทยช่วงงานคอมมาร์ทเอ็กซ์เจ็นไทยแลนด์กลาง เดือนกรกฎาคม มั่นใจอีก 1-2 ปีราคาตกจนสามารถครองพื้นที่เมนสตรีมได้

สนธิญา หนูจีนเส้ง ผู้จัดการฝ่ายขายอินเทลประเทศไทย กล่าวถึงอัลตราบุ๊กในกิจกรรมตอบคำถามสดบนทวิตเตอร์ว่าเป็นหนึ่งใน 2 เทคโนโลยีล่าสุดที่อินเทลจะเริ่มทำการตลาดอย่างจริงจังใน 1-2 ปีนี้ โดยคาดว่าปีนี้ ตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจะมีสีสันมากยิ่งขึ้น แม้จะโดยแท็บเล็ตขโมยซีนไประยะหนึ่ง

"เราคาดว่าจะมีสีสันมากขึ้นเช่นกันครับ คาดว่าภายในปีหน้า ผู้ใช้แล็ปท็อปในตลาดเดิมทั่วโลกร้อยละ 40 จะเทมาที่อัลตราบุ๊กภายในปี 2012"

อัลตราบุ๊กนั้นถูกกล่าวถึงอย่างจริงจังในฐานะสิ่งที่จะเพิ่มเสน่ห์ ให้ตลาดโน้ตบุ๊ก ความสามารถหลักคือการใช้งานสไตล์แท็บเล็ตทั้งการเชื่อมต่อ-เปิดเครื่องพร้อม ใช้งานตลอดเวลาแต่ยังคงไว้ซึ่งตัวเครื่องบางเฉียบหน้าจอ 13 นิ้วขึ้นไป โดยต้นแบบอัลตราบุ๊กที่อินเทลโชว์ในงานแฟร์ไอทีที่ไต้หวันนั้นมาพร้อมชิ ปตระกูล Sandy Bridge ของอินเทลรุ่นล่าสุด จุดนี้อินเทลระบุว่าได้วางแผนให้อัลตราบุ๊กรุ่นต่อไปใช้ชิป Ivy Bridge ซึ่งผลิตบนเทคโนโลยี 22 นาโนเมตรและโดดเด่นด้วยความสามารถด้านการประหยัดพลังงาน

"การเข้าถึงแอปจากสมาร์ทโฟนหน้าจอ 3.5 นิ้ว กับการเข้าถึงแอปจากโน้ตบุ๊ก 13 นิ้ว จะได้การแสดงผลที่ต่างกัน คอมมาร์ตเดือนหน้านี้ (จัดวันที่ 21 - 24 กรกฎาคม 2554) คนไทยจะได้เห็นบางแบรนด์เปิดตัวอัลตราบุ๊กกันบ้างแล้ว แต่ราคายังไม่เป็นเมนสตรีม คาดว่าราคาจะลดลงเป็นเมนสตรีมในช่วง 1-2 ปี ตามแผนผลักดันให้อัลตราบุ๊กอยู่ในตลาดเมนสตรีมสำหรับโน้ตบุ๊ก"นอกจากราคา ผู้บริหารอินเทลประเทศไทยยอมรับว่ายังต้องมีกระบวนการให้ความรู้ผู้บริโภค อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าใจว่าอัลตราบุ๊กมีตลาดที่แน่นอนของตัวเอง ไม่ปะปนกับตลาดเน็ตบุ๊กหรือแท็บเล็ต

"เน็ตบุ๊กเป็นจอ 10 นิ้วลงมา แต่อัลตราบุ๊กเป็นจอขนาดโน้ตบุ๊กปัจจุบันคือ 13 นิ้วขึ้นไป อัลตราบุ๊กเป็น content creation device ส่วนแท็บเบล็ดเป็น content viewer device เรายังมีการบ้านต้องทำอีกมากในการให้ความรู้ประชาชน"

นอกจากอัลตราบุ๊ก อีกเทคโนโลยีที่สนธิญาบอกว่า"ฮ็อตที่สุด"ของอินเทลในขณะนี้คือเทคโนโลยีการ ผลิตชิป 22 นาโนเมตร ซึ่งพร้อมถูกใช้กับชิป Ivy Bridge ที่มีกำหนดการเปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2012 จุดนี้สาวกอินเทลต้องรอเพราะชิป Sandy Bridge นั้นเพิ่งเริ่มทำตลาดไม่นาน

สำหรับความคืบหน้าในธุรกิจชิปของอินเทล ผู้บริหารอินเทลระบุว่าอินเทลจะไม่พัฒนากราฟิกการ์ดหรือการ์ดจอแบบแยกอย่าง ที่เคยเป็นข่าว โดยกล่าวแสดงความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ชิป APU ของคู่แข่งอย่างเอเอ็มดี (AMD) ที่มีจำนวนคอร์มากกว่าทั้ง 4, 6 และ 8 คอร์จะไม่สามารถทำอันตรายใดๆให้อินเทล

"เครื่องยนต์ 4 ใบพัด จะบินเร็วกว่าเครื่องบินเจ็ต 2 เครื่องยนต์ได้อย่างไร อินเทลมั่นใจมากว่า ไม่ต้องรอถึง Ivy Bridge แค่ Sandy Bridge ปัจจุบันก็กินขาดครับ"

ผู้บริหารอินเทลเชื่อว่าสถานการณ์การเมืองไทยจะไม่ส่งผลต่อตลาดไอที โดยบอกว่าตัวเลขที่อินเทลเห็นในไตรมาส 2 นั้นดีกว่าไตรมาส 1 พอสมควร ในมุมของอินเทลประเทศไทยก็สามารถทำยอดขายได้เกินเป้าหมาย ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ประเทศไทยมีปัญหา อินเทลและอุตสาหกรรมไอทีเมืองไทยก็ผ่านพ้นไปได้ดี