เรื่อง "การซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือในประเทศไทย ในปี 2553" พบว่า การซื้อสินค้าออนไลน์ของไทยมีมูลค่า 1.47 หมื่นล้านบาท โดยมีจำนวนผู้ซื้อออนไลน์คนไทยถึง 2.5 ล้านคน มียอดใช้จ่ายเงินเฉลี่ยต่อคนถึง 13,181 บาท แต่ทั้งนี้การใช้จ่ายส่วนใหญ่ราว 1 ใน 3 ยังเป็นการซื้อสินค้าข้ามประเทศ โดยเฉพาะเว็บไซต์ชอปปิงจากสหรัฐอเมริกา และเป็นสินค้าประเภทเครื่องแต่งกายและเครื่องสำอาง

สอดคล้องกับผลสำรวจของ "เนคเทค" ที่พบว่าคนไทยนิยมชอปออนไลน์เพิ่มขึ้น 57.2% แสดงถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป กล้าซื้อของออนไลน์มากขึ้น ทำให้มีผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่ลงมาร่วมชิงเค้กตลาดที่เเนวโน้มมี มูลค่าสูงขึ้นในอนาคต

"เว็บไซต์ MODS.com" เว็บไซต์ชอปปิงออนไลน์ในเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดิร์นเทรด ที่รุกจากตลาดออฟไลน์เข้ามาสู่ออนไลน์ เห็นได้ว่า 8 เดือนที่ผ่านมา เว็บไซต์มีการปรับปรุงและพัฒนาลูกเล่นอย่างต่อเนื่อง ผสานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไว้อย่างน่าสนใจ แสดงถึงความเอาจริงเอาจังสู่ตลาดชอปปิงออนไลน์อย่างเต็มตัว

ธัญญารัตน์ ศรีพิพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไปเอ็มออนไลน์ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ในเครือบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคคนไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก หันมาชอปปิงออนไลน์มากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็นตัวกลาง ระหว่างผู้ค้าและผู้ซื้อในลักษณะอีคอมเมิร์ซ เช่น Tarad.com, weloveshopping.com ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นการทำธุรกรรมโอนเงินผ่านธนาคาร แต่การทำธุรกรรมทางการเงินบนอินเทอร์เน็ต (Internet Banking) ยังมีจำนวนน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ

ปัจจุบันการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ตมีประมาณ 1 แสนราย โดยส่วนใหญ่เป็นการซื้อสินค้าและบริการประเภทการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ตั๋วเครื่องบิน หรือการซื้อตั๋วภาพยนตร์ การซื้อดีลสินค้า และการซื้อสินค้าที่มีคุณสมบัติแน่นอน ไม่จำเป็นต้องเห็นสินค้าก่อน ซึ่งได้แก่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์

หลังเปิดตัวและทดลองตลาดไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันนี้เป็นระยะเวลากว่า 8 เดือน เว็บไซต์ได้รับการตอบรับอย่างดี มีผู้เยี่ยมชมจำนวนหลายพันคนในหนึ่งวัน นอกจากนี้ที่อยู่ในการจัดส่ง (shipping address) ก็มีจำนวนเติบโตขึ้น นั่นหมายถึงมีลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าเว็บไซต์กำลังเติบโตขึ้น เหมือนกับเฟซบุ๊ค ที่แรกเริ่มมีฐานสมาชิกเพียงไม่กี่พันคน ประกอบกับการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ตที่มีระบบความปลอดภัยกว่าอดีต จะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ฐานลูกค้าของเว็บไซต์เติบโตขึ้น

สินค้าแตกต่าง-หลากหลาย

กลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์เป็นกลุ่มคนที่ต้องการความสะดวก ของส่งถึงที่ ไม่มีเวลา หรือสินค้าบนเว็บไซต์มีราคาถูกกว่าห้างสรรพสินค้า มีลักษณะพิเศษแตกต่าง ไม่เหมือนใคร ซึ่งตรงกับกลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 21-39 ปี มีกำลังซื้อ ใส่ใจต่อการแต่งกายและมีไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น เนื่องจากคนกลุ่มนี้เป็นคนที่เกิดมากับโลกไซเบอร์ โตมากับกูเกิล ไฮไฟว์ เฟซบุ๊ค ซึ่งง่ายต่อการเปิดรับการชอปปิงออนไลน์ อีกทั้งพฤติกรรมเดิมที่มีการชอปปิงออนไลน์อยู่แล้ว ยิ่งทำให้การเข้าถึงสินค้าและบริการง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ทำให้สินค้าจะต้องมีความหลากหลาย ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนเหล่านี้ อีกทั้งยังมีรหัสพิเศษหรือ MODS' code ที่จะปล่อยออกมาบนแฟนเพจในเฟซบุ๊ค โดยลูกค้าสามารถซื้อโดยนำรหัสดังกล่าวไปเป็นส่วนลดเวลาซื้อสินค้าได้

ปัจจุบันมีสินค้าที่จำหน่ายบนเว็บไซต์กว่า 30,000 รายการ 11 กลุ่มสินค้า ได้แก่ ความงาม, แฟชั่น, เครื่องประดับ, รองเท้ากระเป๋า, ผลิตภัณฑ์ผู้ชาย, กีฬา, เด็ก, เครื่องเขียน, สินค้าตกแต่งบ้านและสินค้าไอที นอกจากนี้ยังมีสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะเว็บ MODS ด้วย ทั้งนี้ลูกค้าสามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิต อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง รวมถึงบัตรทรูมันนี่ได้ และสามารถส่งเป็นของขวัญให้แก่คนรู้ใจได้อีกเช่นกัน

ชอปปิงออนไลน์สู่ชุมชนความรู้

นอกจากการจำหน่ายสินค้าบนโลกออนไลน์แล้ว ทางเว็บไซต์ยังได้สร้างพื้นที่ให้ลูกค้าได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นและความรู้ในสิ่งที่ตนสนใจ ที่มีชื่อว่า "Cafe' de MODS" ซึ่งถือเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องที่ตนเองสนใจ นอกจากนี้ยังมีบล็อก "MODS BLOG" ที่ทีมงานของเว็บได้อัพเดทข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับแฟชั่น หรือสินค้าที่มีความแปลกใหม่ เป็นแนวทางในการเลือกซื้อสินค้าและอีกหนึ่งสีสันที่สร้างการมีส่วนร่วมระ หว่างเว็บและผู้ชมเว็บคือ "MODS TUBE" เป็นการนำเรื่องราวใกล้ตัว การกิน การอยู่ การใช้ชีวิตมาทำเป็นเรื่องราวตลกและสนุกเพื่อสื่อสารกับผู้ชม

วีดิโอยุคดิจิทัลเน้นอินเตอร์แอ็คทีฟ

ล่าสุดทางเว็บไซต์ได้พัฒนา "วีดิโออินเตอร์แอ็คทีฟ" เป็นแนวทางในการสื่อสารกับลูกค้าและผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ในชื่อ "MODS TV" ซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวในรูปแบบมินิซีรีส์ มีลักษณะเป็นอินเตอร์แอ็คทีฟ 3 ตอน ขณะที่ผู้ชมชมเรื่องราวจบแล้ว สามารถเลือกว่าจะเลือกสินค้าชิ้นได้ จากนั้นก็จะสามารถร่วมซื้อและประมูลสินค้าได้ในราคาถูก

แนวโน้มของเว็บไซต์มียอดผู้เข้าชมเว็บจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในทุกๆ เดือน มีการเข้าชมหน้าเว็บหรือเพจวิวกว่า 1 หมื่นครั้ง โดยแต่ละหน้าใช้เวลาราว 7 นาที ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่นานมาก แสดงให้เห็นว่าผู้เข้าชมมีความสนใจในสินค้า และอาจมีการตัดสินใจซื้อสินค้าได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังมีผู้เข้ามาลงทะเบียนเพื่อการซื้อสินค้าในหลักร้อยคนต่อวัน ในปีหน้านี้คาดว่าเว็บไซต์จะเพิ่มส่วนที่ลูกค้าสามารถรีวิวสินค้าที่ใช้แล้ว สินค้าที่ต้องการ (wishlist) ได้เช่นเดียวกับเว็บไซต์ของต่างประเทศ และปรับปรุงพัฒนาด้านการบริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

"ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาซึ่งกันและกัน ทั้งลูกค้าและผู้พัฒนาเว็บไซต์ ซึ่งการตอบรับในแง่ตัวเงิน อาจเป็นมูลค่าที่ไม่มากนัก แต่ในแง่พัฒนาการเยี่ยมชมเว็บการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้ชมถือว่าประสบความ สำเร็จ" ธัญญารัตน์ กล่าว