วนมาอีกปีสำหรับงาน"คอมมิวนิคเอเชีย 2011" วันที่ 21-24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่"มารีน่า เบย์ แซนด์ส" แปลกไปกว่าทุกปีตรงที่ยักษ์มือถือโลก "โนเกีย" (ซึ่งในขณะนี้หลายฝ่ายมองว่าตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากยิ่ง) เข้าร่วมงานด้วย ทั้งที่เกือบ 10 ปีที่ผ่านมาใช้วิธีจัดงานของตนเองคู่ขนานไปกับ "คอมมิวนิคเอเชีย" โดยเรียกงานของตนเองว่า "nokia connection"

ในปีนี้ไฮไลต์สำคัญนอก เหนือไปจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ อยู่ที่การประกาศยุทธศาสตร์ธุรกิจของ "โนเกีย" โดยซีอีโอคนปัจจุบัน "สตีเฟ่น อีลอป" ที่เดินทางมาเองและถือเป็นครั้งแรกในเอเชีย

"อีลอป" ฉายภาพให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า ด้วยจำนวนประชากรมากถึง 900 ล้านคน มีจีดีพีเติบโตเป็นอันดับ 3 ของโลก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และมีความต้องการในการใช้เทคโนโลยี พร้อมยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ว่ามีจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเทียบกับ ประชากรในประเทศสูงถึง 145% ขณะที่อินโดนีเซียมีการใช้เฟซบุ๊กเป็นอันดับ 2 ของโลก หรือในมาเลเซียที่มีการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เฉลี่ย 9 ชั่วโมง/สัปดาห์

สำหรับ "โนเกีย" เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาได้ประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ ประกอบด้วยการปรับโครงสร้างองค์กร การโฟกัสแพลตฟอร์มวินโดวส์โฟนสำหรับสมาร์ทโฟน และการเข้าถึงผู้ใช้งานอีกพันล้านคนถัดไป โดย "ซีอีโอ" โนเกียยืนยันว่า โนเกียวินโดวส์โฟนรุ่นแรกจะเปิดตัวในปลายปีนี้ และจะเริ่มผลิตออกสู่ตลาดทั่วโลกในปีหน้า

ส่วนแพลตฟอร์ม "ซิมเบี้ยน" ที่ปลุกปั้นมานานก็ยังอยู่ โดยจะมีสินค้าที่รองรับซิมเบี้ยนออกมาอีกเรื่อย ๆ จนถึง ปี 2016 โน่นเลย เฉพาะในอีก 12 เดือนข้างหน้าก็จะมีรุ่นใหม่ออกมากว่า 10 รุ่น ล่าสุดยังได้เปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่"ซิมเบี้ยน แอนนา" ประกอบด้วยยูเซอร์อินเตอร์เฟสใหม่ การปรับปรุงบราวเซอร์, แผนที่ และความเร็วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเตรียมเปิดตัวครั้งแรกในกลุ่ม N8 และ E7 ในเดือน ก.ค.นี้ พร้อมกับเปิดให้ผู้ใช้ซิมเบี้ยนเดิมอัพเกรดเวอร์ชั่นใหม่ในเดือน ส.ค.

โป รดักต์ไฮไลต์ใน "โนเกีย คอนเน็คชั่น 2011" เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก "N9" ที่รองรับระบบปฏิบัติการ "มีโก" (Meego) ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่โนเกียพัฒนาร่วมกับยักษ์ ผู้ผลิตชิป "อินเทล"

จุด เด่นของ N9 อยู่ที่ดีไซน์บางเฉียบผลิตจากโฟลิคาร์บอเนต หน้าจอทัชสกรีน 3.9 นิ้ว รองรับมัลติแอปพลิเคชั่น พร้อมการทำงานแบบวาดมือ และฝังชิป NFC (Near Field Communication) ทำให้มือถือเชื่อมต่อไร้สายกับหูฟังหรือลำโพงที่รองรับ NFC ได้อัตโนมัติ จึงใช้งานง่ายขึ้น N9 เป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยมที่มีกำหนดเปิดตัวออกสู่ตลาดในปีนี้เช่นกัน แต่ยังไม่เปิดเผยราคา

หัวเรือใหญ่ "โนเกีย" ยังพูดถึงโอกาสทางการตลาดจากกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์ มือถือที่ยังไม่เคยใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือด้วย โดยบอกว่า ปัจจุบัน 90% ของประชากรโลกยังไม่สามารถซื้อสมาร์ทโฟนได้ อีกกว่า 3.4 พันล้านคนยังไม่มีการใช้โมบายอินเทอร์เน็ต และมี 1.2 พันล้านคนที่ยังใช้ SMS อย่างเดียว

ทั้งหมดนั้น "โนเกีย" มองเป็นโอกาสทางธุรกิจ คือ เป้าหมายในการเข้าถึงผู้ใช้งานอีกพันล้านคนถัดไป ที่น่าสนใจและเป็นสิ่งที่ ซีอีโอ "โนเกีย" ย้ำนักหนาคือ การสร้างอีโคซิสเท็มส์ในธุรกิจ ถือเป็น 1 ใน ยุทธศาสตร์สำคัญของโนเกีย

"การ แข่งขันในแง่ดีไวซ์จะลดลง ต่อไปนี้จะเป็นสงครามของอีโคซิสเต็มส์ ทำให้โนเกียลงทุนและเดินหน้าสนับสนุนนักพัฒนาเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต บนแพลตระบบ Qt บนระบบปฏิบัติการซิมเบี้ยน มีโก และในอนาคตจะลงมาถึง S40 เพื่อเจาะตลาดซิมเบี้ยนที่มีมากกว่า 100 ล้านเครื่องทั่วโลก" อีลอปกล่าวและบอกว่าคุณสมบัติสำคัญของ Qt คือ การทำงานข้ามแพลตฟอร์ม มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพทำให้การสร้างชุมชนแอปพลิเคชั่น ขยายตัวง่ายขึ้น

ด้าน "คอลลิน ไจลส์" รองประธานฝ่ายขายของโนเกียกล่าวว่า "โลคอล ไลเซชั่น" เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของโนเกียในการร่วมมือกับนักพัฒนาเพื่อสร้างเอกลักษณ์ พิเศษให้โนเกีย และเปิดโอกาสให้นักพัฒนามีโอกาสเจาะตลาด ผู้ใช้ซิมเบี้ยนได้มากขึ้น โดยปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นผ่านโนเกียสโตร์วันละ 6 ล้านดาวน์โหลด จาก 190 ประเทศ 30 ภาษา

กุญแจสำคัญในการสร้าง "อีโคซิสเต็มส์" ให้เติบโตคือ ระบบบิลลิ่งผ่านโอเปอเรเตอร์ ซึ่งปัจจุบันโนเกียดีลกับ โอเปอเรเตอร์ 121 แห่งทั่วโลก เพื่อเป็นฟันเฟืองสำคัญให้การซื้อขายแอปพลิเคชั่น ซึ่งยังพอเห็นโอกาส "ชนะ" รำไรในสงครามอีโคซิสเต็มส์

ในด้านช่องทางจำหน่าย "โนเกีย" เน้นทำงานต่อเนื่องกับร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ประเภทรีเทลทั้งรุ่นโลว์เอนด์ถึงไฮเอนด์ รวมถึงทำงานใกล้ชิดกับโอเปอเรเตอร์ โดยทั้งสองช่องทางการขายถือเป็นจุดแข็งของโนเกียที่มมานาน และเป็นสินทรัพย์หลักของบริษัท

นอกจากนี้ยังจะให้น้ำหนักกับสื่อดิ จิทัลมากขึ้นด้วย เพราะคนรุ่นใหม่ใช้เวลากับสื่อออนไลน์และเครือข่ายสังคมออนไลน์มากขึ้น ประกอบกับสื่อดิจิทัลเองก็เป็นกำลังสำคัญในการสร้างความรับรู้เรื่องแอปพลิ เคชั่นต่าง ๆ อีกด้วย

ไม่เท่านั้น กับกลุ่มผู้ใช้พันล้านคนถัดไป "แมรี่ แม็คโดเวลล์" รองประธานฝ่ายบริหาร หัวหน้ากลุ่มธุรกิจโทรศัพท์มือถือ "โนเกีย" กล่าวว่า 25% ของจำนวนคนกว่าพันล้านคนถัดไปที่จะใช้โมบายอินเทอร์เน็ตอยู่ในตลาดเกิดใหม่ เช่น อินเดีย, จีน, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, บราซิล, ไนจีเรีย เป็นต้น สิ่งที่โนเกียทำคือ พัฒนาโทรศัพท์มือถือสำหรับคนกลุ่มนี้เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และกระตุ้นให้เข้าโลกออนไลน์ โดยไม่ลืมความคุ้มค่าด้าน "ราคา"

"โทรศัพท์ มือถือ 2 ซิม" จึงเป็นคำตอบ 2 ซิมของโนเกียต่างจากแบรนด์อื่นที่มีบริการเพิ่มเติม เช่น แผนที่รุ่นใหม่ที่เปิดตัว คือ X1-01 และ X2-00 กับ C2-02 และ C2-03 โดย C2-03 เสียบซิมที่สองด้านข้างได้ ไม่ต้องถอดแบตเตอรี่ ทั้งสแตนด์บายสองซิมพร้อมกันมาพร้อมหน้าจอสไลด์ และแป้นพิมพ์

สำหรับ ตลาดประเทศไทย ที่ผ่านมา "โนเกีย" เสียส่วนแบ่งการตลาดให้ แบรนด์จีน เพราะไม่มีสินค้าและไม่คิดว่าจะสำคัญ แต่เมื่อรู้ว่าจำเป็นจึงพัฒนาเครื่องสองซิมให้ทำงานดีขึ้น มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ทำให้มีสินค้าพร้อม มีจุดต่างด้านบริการ และราคาแข่งขันได้