User Online ( 1 ) 
 ระบบสมาชิก  ตั้งเป็นหน้าแรก  แจ้งโอนเงิน
 ตะกร้าสินค้า ( 0 Item ) 
Home » ข่าว » 'ศุภจี'ชี้ 6 เดือนกำไร ไทยคมหลุดการเมือง
 
 ค้นหาสินค้า
 ตู้ Close Rack (31)
 ตู้ Wall Rack (9)
 ตู้ Open Rack (5)
 ตู้ Rack Accessories (39)
 สายLAN(UTP) สายแลน (183)
 เครื่อง Server (35)
 เครื่องสำรองไฟ UPS (62)
 
 สมัครสมาชิกจดหมายข่าว
สมัครรับจดหมายข่าว รับข้อเสนอพิเศษ จากร้านค้า
 ข่าว

'ศุภจี'ชี้ 6 เดือนกำไร ไทยคมหลุดการเมือง

ซีอีโอใหม่ไทยคม 'ศุภจี สุธรรมพันธุ์' เผยต้องการสร้างไทยคมเป็นบริษัทระดับโลก ขอเวลาปรับภาพลักษณ์ใหม่ไม่อิงการเมือง เน้นทำธุรกิจตามกฎ มั่นใจจะมีกำไรเป็นบวกใน 6 เดือน

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม กล่าวว่า เป้าหมายในเบื้องต้นของการเข้ามาบริหารไทยคมต่อจากนายอารักษ์ ชลธารนนท์ ที่เกษียณอายุการทำงานก็คือ การสร้างผลกำไรให้กับไทยคม ให้ได้ภายในช่วงเวลา 6 เดือนต่อจากนี้ โดยผลประกอบการไตรมาสสองของปีนี้ มีรายได้อยู่ที่ 1,862 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 292 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก

แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง 1,461 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 26.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าจะได้ผลกระทบจากรายได้ในธุรกิจมือถือในเขมรและลาวจะลดลง 14.6% เหลือเพียง 274 ล้านบาท เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงแต่ทำให้ผลประกอบการโดยรวมดีขึ้น ทำให้ไตรมาสสองมีผลการขาดทุนเหลือเพียง 25 ล้านบาท ลดลงถึง 83.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

กลยุทธ์ในการขยายตลาดไทยคมนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 แนวทางคือ 1.กระตุ้น ตลาดกลุ่มประเทศที่ใช้บริการของไทยคมอยู่แล้ว โดยเฉพาะไอพีสตาร์ ที่ยังมีแบนด์วิธเหลือจำนวนมาก เวลานี้มีการใช้งานเพียง 16% เท่านั้น โดยจะมีกิจกรรมโปรโมชันร่วมกับพันธมิตรในแต่ละประเทศเพื่อกระตุ้นตลาดให้มี การใช้งานเพิ่มขึ้น เช่น โปรโมชันให้มีการใช้งานดาต้าแบบไม่อั้นในบางประเทศอย่างออสเตรเลียที่มีการ จำกัดเรื่องแบนด์วิธในการส่งข้อมูล ถ้ามีโปรโมชันแบบนี้ก็จะกระตุ้นให้มีลูกค้าใช้งานมากขึ้น

2.ขยายตลาดไปในประเทศที่ยังเข้าไปไม่ถึงหรือใช้บริการของไทยคมน้อย เช่น จีน โดยจะมีทั้งการทำเวิร์กช้อปกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ เหมือนกับที่ประเทศมาเลเชียที่จะเข้าไปหาเจ้าภาพเพื่อช่วยเจาะตลาดให้กับไทย คม

นางศุภจี กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกเข้ามาบริหารไทยคม ซึ่ง มีลักษณะการดำเนินธุรกิจต่างจากไอบีเอ็มนั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 เรื่อง คือ 1.เนื่องจากตนเองเป็นคนไทยที่มีประสบการณ์ทำงานกับไอบีเอ็ม ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติมานาน 22 ปี ได้เห็นข้อดีและข้อด้อยของคนไทยในการทำงานกับบริษัทต่างชาติ ก็เลยอยากจะนำประสบการณ์เหล่านี้กลับมาปรับปรุงกับองค์กรหรือปรับใช้กับองค์กรของคนไทยเพื่อให้ศักยภาพองค์กรของคนไทยดีขึ้น

"จริงๆ แล้ว ไทยคมไม่ใช่บริษัทแรกที่เข้ามาคุยด้วย เคยถูกทาบทาบจากหลายๆ บริษัทอย่างธนาคาร แต่ที่เลือกไทยคม เนื่องจากไทยคมเป็นบริษัทไทยที่มีศักยภาพครอบคลุมนอกประเทศได้ ถ้าเราสามารถมีส่วนร่วมทำให้ไทยคมมีความแข็งแรง เป็นบริษัทไทยที่สามารถนำธุรกิจจากต่างประเทศเข้ามาให้คนไทยได้ ถ้าเราทำตรงนี้ให้แข็งแรงมากขึ้น ถือเป็นการนำรายได้เข้ามาในประเทศ"

เธอย้ำว่า ต้องการที่จะทำให้บริษัทไทยคมเป็นบริษัทมัลติเนชั่น ถ้าทำส่วนนี้ได้ก็เป็นความภูมิใจส่วนตัวที่ต้องการทำตรงนี้ให้ได้ และพนักงานของไทยคมก็จะมีความภูมิใจในส่วนนี้ด้วย

2.ไทยคมเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่บริหารจัดการธุรกิจดาว เทียมและเป็นสมบัติของประเทศ จึงเป็นอะไรที่คิดว่า ถ้าสามารถทำอะไรที่เกี่ยวเนื่องกับทรัพย์สินของชาติให้ดี ก็เป็นการตอบแทนให้กับประเทศด้วย

3.เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับธุรกิจ เป็นความเชื่อส่วนตัวที่อยากจะทำอะไรที่เกี่ยวกับการศึกษาของประเทศ ซึ่งเคยทำมาบ้างแล้วเมื่อ 8-9 ปีก่อนสมัยเป็นกรรมการผู้จัดการที่บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย ที่เข้าร่วมกับโครงการการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งเป็นโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีความรู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วย ยิ่งได้อ่านข้อมูลของไทยคมก่อนที่จะตัดสินใจเข้ามาทำงานด้วยมีเรื่องของการ ศึกษามาก อย่างโครงการ ไทยคิดไทยคม ถ้าเข้ามาทำอะไรได้มากกว่านี้เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยกันให้ระบบการ ศึกษามีทิศทางที่ดีขึ้น น่าจะเป็นประโยชน์ และเป็นความตั้งใจส่วนตัว

"ทั้ง 3 ข้อนี้ทำให้รู้สึกว่า ไทยคมเป็นองค์กรที่อยากเข้ามาทำงานด้วย"

ส่วนประเด็นที่บริษัท ไทยคมมีภาพลักษณ์ที่ผูกติดกับการเมือง นางศุภจี มองว่า ในมุมเรื่องของการเมืองก็เป็นเรื่องของการเมือง ไทยคมเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นบริษัทมหาชน ผู้ถือหุ้นใหญ่จริงๆ แล้ว คือประชาชนคนไทย ปัจจุบันไทยคมมีผู้ถือหุ้นรายย่อยเกือบ 60% จริงๆ แล้วไทยคมไม่ได้อิงสีใด อิงการเมืองด้านใดเลย บริษัทมีการทำธุรกิจที่ตั้งอยู่บนหลักเหตุและผล และธุรกิจที่ทำผลกำไรให้กับทุกภาคส่วน

ทุกๆ ปี ไทยคมส่งรายได้คืนรัฐตามสัมปทาน และอยากจะบอกว่า ไทยคมคืนรายได้ให้รัฐมากกว่าขั้นต่ำที่เซ็นสัญญาไว้เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วด้วยซ้ำไป บริษัทยึดในเรื่องของหลักการที่ถูกต้อง ในมุมของการเมืองไม่ว่าเป็นรัฐบาลไหน พรรคไหนไทยคมก็สามารถทำงานร่วมกันได้ส่วนการที่มองว่าไทยคมเป็นบริษัททางการ เมืองซึ่งเป็นภาพที่คนอื่นมองมา แต่ถ้าถามจากคนไทยคมออกไป บริษัท ไม่มีพรรค บริษัท พยายามทำทุกอย่างในหลักการที่ถูกต้องเท่านั้น

"คงต้องค่อยๆ แก้ไป คงไม่สามารถทำได้ภายในวันเดียว แม้กระทั่งเดือนหน้าปีหน้าก็ยังต้องมีการทำอยู่ตลอด ทุกปัญหาต้องมีทางออก เรายึดหลักที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น ต่อประเทศไทย ต่อกระทรวง เรามีความรับผิดชอบในทุกด้าน ต้องแก้ไปทีละจุดทีละจุด"

นางศุภจี ยังกล่าวอีกว่า เรื่องการรักษาสิทธิวงโคจรที่ทางกระทรวงไอซีทีอนุมัติให้ไทยคมรับมาดำเนิน การหาทางออกนั้น เวลานี้อยู่ในช่วงศึกษาแนวทางอยู่ ซึ่งจะนำเสนอให้กระทรวงไอซีทีเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะเลือกแนวทางใดภายในเดือนนี้หรือเดือนก.ย. โดยแนวทางเบื้องต้นอาจจะเป็นการย้ายดาวเทียมที่ยังมีความจุเหลืออยู่มา หรือจะเป็นการเชิญชวนบริษัทที่จะยิงดาวเทียมในเร็วๆ นี้ ให้มาใช้วงจรทั้ง 2 ตำแหน่งแทน

นางศุภจียังออกตัวว่า การที่รมว.ไอซีทีเป็นคนของพรรคเพื่อไทยจะมีผลดีต่อไทยคมนั้น ไม่อยากคิดว่าเป็นความได้เปรียบในกรณีที่รมว.ไอซีทีมาจากพรรรคเพื่อไทย บริษัททำธุรกิจที่ยึดถือตามหลักการ ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ยินดีทำธุรกิจด้วยเหมือนกัน แล้วแต่ทิศทางและแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกิจของไทยคม
Copyright RackServerOnline.com 2010 - 2025. All rights Reserved.