เอปสันฉวยจังหวะเท รนด์ดิจิทัลพรินติงโตแรง เปิดตลาดใหม่เครื่องพิมพ์แพ็คเกจจิงและฉลาก "ชัวร์เพรส" ปูทางขยายกลุ่มลูกค้าใหม่อุตฯการพิมพ์เอปสันฉวยจังหวะเทรนด์ดิจิทัลพรินติงโตแรง ยังไม่มีคู่แข่งตลาดเดียวกัน เปิดตลาดใหม่เครื่องพิมพ์แพ็คเกจจิงและฉลาก "ชัวร์เพรส" ปูทางขยายกลุ่มลูกค้าใหม่วงการอุตสาหกรรมการพิมพ์ดิจิทัล ชูคอนเซปต์ยอดฮิตแห่งยุค "ออน ดีมานด์" สร้างจุดต่างด้วยต้นทุนที่ราคาต่ำกว่า

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป ด้านการขายผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมการพิมพ์ใน ประเทศไทยมีโอกาสสูงมากข้อมูลจากสมาคมสิ่งพิมพ์แห่งประเทศไทยประเมินว่าปี นี้ตลาดรวมจะมีมูลค่า 4 แสนล้านบาท จากเดิมคาดว่าจะโต 15% มีมูลค่า 3.5 ล้านบาท แต่ได้ปรับขึ้นเนื่องจากสภาวะการเมืองมีทิศทางดี จากปี 2553 มีมูลค่า 3 แสนล้านบาท

ส่วนตลาดการพิมพ์ดิจิทัลแม้ ยังมีสัดส่วนไม่มากแต่ในฐานะที่ไทยเป็นหนึ่งในฮับตลาดสิ่งพิมพ์เอเชียที่แต่ ละปีมีมูลค่าการส่งออกสิ่งพิมพ์ 7 หมื่นล้านบาท มีบริษัทด้านการพิมพ์ 5 พันราย บุคลากร 1.2 แสนคน ใช้กระดาษปีละ 2 ล้านตัน ทำให้โอกาสการเติบโตมีอีกมาก จากข้อมูลดังกล่าวและแนวโน้มการเติบโตของการพิมพ์ฉลาก และแพ็คเกจที่เติบโตสูงสุดจากทุกกลุ่มงานพิมพ์ ทำให้บริษัทเห็นโอกาส

ล่าสุดบริษัทนำเครื่องพิมพ์ “เอปสัน ชัวร์เพรส แอล-4033เอ” เครื่องพิมพ์แพ็คเกจจิงและฉลากเข้า ทำตลาดเป็นครั้งแรก ราคา 9.9 ล้านบาท โดยขณะนี้กำลังเจรจาแต่งตั้งพันธมิตร 1 รายเป็นตัวแทนจำหน่าย และคาดว่าจะนำสินค้าเข้ามาส่งมอบให้ลูกค้าได้ประมาณเดือน ก.ย. นี้ ขณะนี้มีลูกค้าแล้ว 1 ราย และกำลังจะปิดดีลได้อีก 1 รายเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ บริษัทเปิดตัวสินค้ากลุ่มเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง 2 รุ่น “เอปสัน สไตร์ลัส โปร-7890” ราคา 1.8 แสนบาท และ “เอปสัน สไตร์ลัส โปร-9890” ราคา 2.8 แสนบาท เจาะฐานลูกค้าเดิมธุรกิจงานพิมพ์เชิงพาณิชย์ พร้อมเริ่มทำตลาดใหม่ในกลุ่มโรงพยาบาล ธุรกิจผลิตสื่อการเรียนการสอน สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ หน่วยงานราชการ รวมถึงกำลังขยายเข้าสู่ตลาดใหม่กลุ่มธุรกิจออกแบบเสื้อผ้า สื่อเอาท์ดอร์ ตกแต่งรถยนต์ และเอเยนซีโฆษณา

ทั้งนี้ ผลสำรวจของบริษัทพบว่าโรงพิมพ์ทั่วประเทศมีประมาณ 5,000 แห่ง เป็นโรงพิมพ์ที่ใช้ระบบดิจิทัลแล้วประมาณ 500-600 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนในกรุงเทพฯ มากถึง 85% และมีแนวโน้มว่าโรงพิมพ์ต่างๆ จะเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลอีกประมาณ 2,000 แห่งภายใน 1-2 ปีจากนี้

อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2554 เริ่มเดือน เม.ย. เอปสันสามารถ รักษาการเติบโตของสินค้าโปรกราฟฟิกได้ระดับเดียวกับปีที่ผ่านมาที่ 15-20% ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 80% ปีนี้ตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มเครื่องพิมพ์หน้ากว้างที่ 150 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา

พร้อมระบุว่าสัดส่วนรายได้ปี 2554 จะมาจากกลุ่มลูกค้าคอนซูเมอร์ 40% ธุรกิจ 60% จากเดิมที่มีสัดส่วน 45% ต่อ 55% จากการเติบโตของเครื่องพิมพ์ดอทแมททริกซ์ เทอร์มินอล และกลุ่มสินค้าโปรเจ็คเตอร์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงมากไตรมาสแรกเติบโตไป แล้วกว่า 70% สิ้นปีตั้งเป้าไว้ 50% สร้างรายได้ให้บริษัท 550 ล้านบาท จาก 300 ล้านบาทเมื่อปี 2553