User Online ( 1 ) 
 ระบบสมาชิก  ตั้งเป็นหน้าแรก  แจ้งโอนเงิน
 ตะกร้าสินค้า ( 0 Item ) 
Home » ข่าว » PayPal เจาะลึก "ขาช็อป" ไทย ชี้ช่องรวยบน "เว็บ-มือถือ"
 
 ค้นหาสินค้า
 ตู้ Close Rack (31)
 ตู้ Wall Rack (9)
 ตู้ Open Rack (5)
 ตู้ Rack Accessories (39)
 สายLAN(UTP) สายแลน (183)
 เครื่อง Server (35)
 เครื่องสำรองไฟ UPS (62)
 
 สมัครสมาชิกจดหมายข่าว
สมัครรับจดหมายข่าว รับข้อเสนอพิเศษ จากร้านค้า
 ข่าว

PayPal เจาะลึก "ขาช็อป" ไทย ชี้ช่องรวยบน "เว็บ-มือถือ"

น่า สนใจทีเดียว สำหรับผลศึกษาพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ของ "PayPal" ผู้ให้บริการระบบชำระเงินออนไลน์ชื่อดัง เพราะถือเป็นครั้งแรกที่มีเปิดเผยถึง ผลการศึกษา "ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต และผ่านโทรศัพท์มือถือในประเทศไทย"

โดย PayPal เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์สูงถึง 14.7 พันล้านบาท แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มและทัศนคติที่ตอกย้ำกิตติศัพท์คนไทยในฐานะ "ขาช็อป" ตัวยง

จากผลการวิจัยของ PayPal ซึ่งมีการจัดทำโดยบริษัท นีลเส็น พบว่า ใน ปี 2553 ขนาดตลาดการซื้อสินค้าออนไลน์ของประเทศไทยมีมูลค่า 14.7 พันล้านบาท โดยมีจำนวนผู้ซื้อสินค้าออนไลน์คนไทยถึง 2.5 ล้านคน (อายุ ตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป) มียอดใช้จ่ายเงินเฉลี่ยต่อคนถึง 13,181 บาท โดย 71% ของยอดรวมการซื้อสินค้าผ่านระบบ ออนไลน์ทั้งหมด มาจากกลุ่มชนที่มีรายได้ปานกลางในประเทศไทย

"การซื้อสินค้าออนไลน์ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีมูลค่าตลาดเกือบ 15,000 ล้านบาท บ่งบอกว่านักช็อปคนไทยมองเห็นประโยชน์มากมายจากการซื้อสินค้าและบริการผ่าน อินเทอร์เน็ต ซึ่งก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของพวกเขา" เอเลียส กาห์เน็ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้จัดการใหญ่ของ PayPal ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดียกล่าวและว่า

"ผู้บริโภคคน ไทยชื่นชอบการซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ในประเทศมากพอ ๆ กับเว็บไซต์ต่างประเทศ และใช้สื่อ ออนไลน์เพื่อหาซื้อสินค้าที่แตกต่างหลากหลาย และไม่ใช่เพื่อมองหาสินค้าราคาถูกที่สุดเพียงอย่างเดียว ดังนั้นผู้ค้าปลีกภายในประเทศมีโอกาสแข่งขันกับเว็บไซต์ต่างประเทศ ควรเร่งสร้างร้านค้าออนไลน์ในทันทีเพื่อช่วงชิง ส่วนแบ่งทางการตลาด"

นอก จากนี้ยังพบด้วยว่า สัดส่วนการใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคคนไทยผ่านเว็บไซต์ใน ประเทศ มีมูลค่า 6.1 พันล้านบาท หรือ 41% เทียบกับเว็บไซต์ต่างประเทศที่ 6.4 พันล้านบาท หรือ 44% ที่เหลืออีก 2.2 พันล้านบาท หรือ 15% เป็นการซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ไม่ระบุประเทศ

โดยผลการศึกษายังระบุ ถึงเหตุจูงใจของนักช็อปไทยในการซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ต่างประเทศว่า เพราะเป็นสินค้าที่ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย คิดเป็น 45% เป็นผลิตภัณฑ์/บริการที่มีราคาถูกกว่า 36% และมีความสะดวกในการ ซื้อเทียบเท่ากับการซื้อผ่านระบบ ออนไลน์ในประเทศ 30%

ดังนั้นผู้ขาย สินค้าจึงมีโอกาสในการเข้าถึงการเติบโตของตลาดการซื้อสินค้าออนไลน์ในประเทศ ไทยได้ไม่ยากนัก หากจัดเตรียมสินค้าบนร้านค้าออนไลน์ของตนเองให้มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น

ขณะ เดียวกัน PayPal แสดงผลการศึกษายังแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของ ผู้บริโภคคนไทยนิยมซื้อที่มีความหลากหลาย ไม่ใช่แค่ตั๋วเครื่องบิน หรือจองโรงแรม แสดงให้เห็นว่าการซื้อสินค้าออนไลน์กำลังกลายเป็นกระแสนิยม และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทย

ประเภทสินค้ามีดังนี้ สินค้าแฟชั่น (เสื้อผ้า, รองเท้า, เครื่องแต่งตัว, สุขภาพ, ความงาม เครื่องประดับ) คิดเป็นมูลค่า 3.1 พันล้านบาท (21%), สาระบันเทิง (หนังสือ, ภาพยนตร์, เพลง, เกม, การแสดง) มูลค่า 3.1 พันล้านบาท (21%), ผลิตภัณฑ์ไอที (ฮาร์ดแวร์/ ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์อิเล็ก ทรอนิกส์) มูลค่า 2.4 ล้านบาท (16%), การเดินทาง (ตั๋วเครื่องบิน, เรือ, รถไฟ และแพ็กเกจท่องเที่ยว) มูลค่า 1.8 พันล้านบาท (13%),

โดยคนไทยใช้จ่ายเงินซื้อตั๋วเครื่องบินในเว็บไซต์ต่างประเทศถึง 61% (696 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับเว็บไซต์ท้องถิ่น อยู่ที่ 433 ล้านบาท

และ คนไทยใช้จ่ายเงินมากกว่า 27% สำหรับเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่อง ประดับในเว็บไซต์ต่างประเทศ เป็นเงิน 716 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเว็บไซต์ ท้องถิ่นจะอยู่ที่ 562 ล้านบาท แต่ใช้จ่ายเงินมากกว่า 17% สำหรับหนังสือในเว็บไซต์ท้องถิ่น (655 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับเว็บไซต์ต่างประเทศ (561 ล้านบาท) และใช้จ่ายเงินมากกว่า 11% สำหรับสินค้าสุขภาพและความงาม ในเว็บไซต์ในประเทศ (526 ล้านบาท) ขณะที่จากเว็บไซต์ต่างประเทศอยู่ที่ 473 ล้านบาท และซื้อขายผลิตภัณฑ์/บริการทางด้านการเงินที่ 427 ล้านบาท) ในเว็บไซต์ในประเทศเป็นส่วนใหญ่

สำหรับประเทศ 5 อันดับแรกที่คนไทยใช้จ่ายเงินซื้อของบนเว็บไซต์ คือ สหรัฐอเมริกา (27%) ญี่ปุ่น (15%) จีน (14%) เกาหลีใต้ (13%) และฮ่องกง (10%)

จากการ ศึกษายังพบด้วยว่า คนไทยที่ซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่า 6 คนใน 10 คน เชื่อว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในความเสี่ยงทุกครั้งที่ทำธุรกรรมออนไลน์โดยใช้ บัตรเครดิต/เดบิตของพวกเขา แต่การเพิ่มมาตรการด้านระบบรักษาความปลอดภัย มีส่วนโน้มน้าวให้ผู้ซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่าครึ่งใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าออ นไลน์เพิ่มมากขึ้น

อีกทั้ง 58% ของผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ที่มีรายได้ปานกลางจะเต็มใจเพิ่มการสั่งซื้อสินค้า ออนไลน์มากขึ้น ถ้าระบบรักษาความปลอดภัยได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยผู้ซื้อสินค้าออนไลน์กลุ่มนี้มีสัดส่วนมากที่สุดของผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ ทั้งหมด (71%) และสุดท้ายคือ ข้อค้นพบที่สำคัญสำหรับการซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ แสดงให้เห็นว่า เอ็มคอมเมิร์ซ (m- commerce) อยู่ในขั้นเริ่มต้น แต่มีศักยภาพในการเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต

โดยผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ กว่า 837,000 คน ใช้จ่ายราว 1.7 พันล้านบาท ผ่านโทรศัพท์มือถือในปี 2553 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 11% ของมูลค่ารวมของตลาดการซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งปกติจะซื้อสินค้าราคาถูก เช่น ดาวน์โหลดภาพยนตร์/เพลง/เกม (27%) เสื้อผ้า/ รองเท้า/เครื่องประดับ (23%) หนังสือ (19%) และตั๋วภาพยนตร์/การแสดง (11%) และคิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนราว 1,600 บาท

ผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ 4 คนจาก 10 คนเต็มใจซื้อสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ มือถือ แต่อุปสรรคสำคัญในการซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ คือ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของโทรศัพท์มือถือที่มีความเร็วต่ำ (54%) ขนาดหน้าจอมือถือที่เล็กเกินไป (44%) และปัญหาเรื่องระบบการรักษาความปลอดภัย (29%)

ผู้บริหาร PayPal ย้ำด้วยว่า เรื่องเร่งด่วนที่ผู้ประกอบการไทยควรเร่งดำเนินการทันที คือการนำกลยุทธ์การจัดจำหน่ายหลายช่องทางมาประยุกต์ใช้โดยเร็ว เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ทั้งในร้านค้า ร้านค้าออนไลน์ และผ่านโทรศัพท์มือถือ

ขณะเดียวกันควรมีการจัดเตรียมสินค้าที่มี ความหลากหลายมากกว่าเดิม และเพิ่มตัวเลือกในการชำระเงินที่มีความปลอดภัยมากขึ้นภายในเว็บไซต์ของตน เอง เพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าให้ผู้ซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ และควรมีตัวเลือกวิธีการชำระเงินบนโทรศัพท์มือถือที่มีความปลอดภัยมากยิ่ง ขึ้น
Copyright RackServerOnline.com 2010 - 2025. All rights Reserved.