ทรูเดินหน้าฟ้องรายวัน กะเอาผิดดีแทคให้ได้ ล่าสุดโร่ฟ้อง กสทช. ขอให้ยึดใบอนุญาตดีแทคฐานเป็นต่างด้าว พร้อมเล็งยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน หวังเป็นช่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ



ผู้สื่อข่าว"ประชาชาติธุรกิจ"รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจาย เสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า เวลา 15.10 น. วันนี้ (21 มิ.ย.2554) นางศุภสรณ์ โหรชัยยะ ผู้ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ กสทช.เพื่อให้มีคำสั่งห้าม บมจ. โทเทิ่ล แอ๊คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ประกอบกิจการแข่งกับผู้ประกอบการไทย หรือขอให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ เนื่องจากมีเทเลนอร์ นอร์เวย์ ซึ่งมีกระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรมนอร์เวย์ถือหุ้นถึง 53.97% จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 84(1) ที่ระบุห้ามไม่ให้รัฐประกอบกิจการแข่งขันกับเอกชน และยังไม่เข้าข่ายข้อยกเว้นตาม รธน. ด้วย



นางศุภสรณ์ กล่าวว่า เจตนารมณ์ของรธน.ไทย ระบุชัดเจนแม้แต่รัฐไทยยังห้ามประกอบกิจการที่มีลักษณะแข่งขันกับเอกชนไทย เมื่อเทเลนอร์ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในดีแทคจึงถือเป็นรัฐวิสาหกิจต่างชาติ และเป็นบริษัทต่างด้าวด้วยจึงขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม



“เหตุที่ทรูต้องไปร้องเรียนหลายหน่วยงาน เนื่องจากแต่ละแห่งใช้เวลานานในการตรวจสอบ ทรูจึงต้องเร่งดำเนินการ ขณะนี้กำลังตรวจสอบแง่มุมของกฎหมายว่าจะไปช่องทางไหนอีก อาทิ การยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อเป็นช่องทางให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความให้ชัดเจน แต่ถ้าหน่วยงานใดแถลงผลตีความออกมาว่าดีแทคไม่ผิด ทางทรูก็น้อมรับ แต่คดีที่ร้องกับทางกองปราบปรามก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นคดีอาญาไม่อาจถอดแจ้งความได้และเป็นเรื่องคนละส่วนกัน ซึ่งทางทรูก็มั่นใจว่ามีหลักฐานชัดเจนถึงได้กล้าแจ้งความ ไม่เช่นนั้นก็จะมีผลตีกลับมาที่ทรูได้”



ส่วนการร้องเรียนของทรูนั้น มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน หุ้นในกลุ่มโทรคมก็ยังมีมูลค่าซื้อขายมาก และทางกระทรวงพาณิชย์กำลังเร่งทำความชัดเจนในเรื่องนี้



“ที่กระทรวงพาณิชย์ยืนยันก่อนหน้านี้ว่าไม่ผิด ทางท่านอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแจ้งเองว่าเป็นการพิจารณาจากข้อมูลที่มี อยู่ ณ ขณะนั้น เมื่อทรูยื่นเอกสารเพิ่มเติมลงรายละเอียดถึงโครงสร้างและแหล่งที่มาของเงิน ทุนอย่างละเอียดแล้ว ทางกรมก็ยืนยันว่าจะรับไปพิจารณาเพิ่มเติม”



ด้านนายฐากร ตัณฑะสิทธิ์ รักษาการเลขาธิการ กทช. ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า จะเร่งนำเรื่องดังกล่าวบรรจุเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. ในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ เพื่อให้มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่สำหรับการให้ใบอนุญาตประกอบกิจการของกสทช. ต้องอิงพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่อยู่ในกำกับดูแลของกระทรวง พาณิชย์คงต้องมีการหารือร่วมกันระหว่าง 2 หน่วยงาน คาดว่าใช้เวลามากกว่า 2 สัปดาห์จะได้ข้อสรุป แม้จะเป็นเรื่องเร่งด่วนก็ตาม