กระทรวงการคลังสหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขล่าสุดว่า ประเทศมีเงินคงคลังเหลืออยู่ทั้งสิ้น 7.37 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,202,893 ล้านบาท) ขณะที่ผลประกอบการล่าสุดของแอปเปิลชี้ว่า บริษัทมีเงินสดสำรองอยู่ทั้งสิ้น 7.64 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,283,596 ล้านบาท) ซึ่งเท่ากับว่าแอปเปิลมีเงินสำหรับนำมาใช้จ่ายมากกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ



ขณะที่เมื่อคืนวันศุกร์ (29 ก.ค.) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯภายใต้การนำของพรรครีพับลิกัน ลงมติด้วยคะแนน 218 ต่อ 210 เสียง รับรองมาตรการของนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาฯ ในการผ่าทางตันเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้



ทั้งนี้ ร่างกฎหมายของนายโบห์เนอร์ เสนอโครงการ 2 ขั้นตอน เพื่อปรับลดงบประมาณรายจ่าย และปรับเพิ่มเพดานหนี้ชั่วคราว จากปัจจุบันเพดานหนี้อยู่ที่ระดับ 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ และจะดำเนินการเช่นนี้อีกครั้งหนึ่งในปีหน้า โดยแผนเริ่มต้นด้วยการปรับเพิ่มเพดานหนี้ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในวันที่ 2 ส.ค. และปรับลดงบรายจ่ายลงในระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือมากกว่านั้น



ขณะที่ปัจจุบันสหรัฐฯเบิกจ่ายเงินงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 2 แสนล้านดอลลาร์ มากกว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลจากการจัดเก็บภาษี รวมทั้งการนำส่งรายได้จากรัฐวิสาหกิจและส่วนราชการในแต่ละเดือน



ตามข้อมูลผลประกอบการล่าสุด แอปเปิล สามารถทำเงินได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วงไตรมาสล่าสุด สิ้นสุดเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. แอปเปิลมีรายได้สุทธิสูงกว่าปีที่แล้วถึงร้อยละ 125 ซึ่งอยู่ที่ 7.31 หมื่นล้านดอลลาร์



ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเชื่อว่า แอปเปิลอาจนำเงินดังกล่าวเพื่อใช้ในการพัฒนากลยุทธิ์ในธุรกิจตัวใหม่ ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นเครือข่ายร้านหนังสือ"บาร์นส แอนด์ โนเบิล" (Barnes and Noble) และเว็บไซต์ภาพยนตร์ออนไลน์ "เน็ตฟลิกซ์" (Netflix)