เอไอเอสประกาศ ผู้นำโทรคมฯ เปิด 3 จีคลื่น 900 วันนี้ นำร่อง 9 จังหวัดหลักจำนวน 1,884 สถานีฐาน เตรียมอัดโปรโมชั่น-แอพเสริมให้ลูกค้าแบบจัดเต็ม

รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (28 ก.ค.) บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) จะเปิดตัวบริการ 3 จี บนคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ จากการอัพเกรดเทคโนโลยีเอชเอสพีเอ โดยเบื้องต้นจะเปิดบริการใน 9 จังหวัดหลัก ประกอบด้วย กทม. ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา ประจวบคีรีขันธ์ ลำปาง ขอนแก่น และโคราช

ทั้งนี้ การเปิดบริการ 3 จี ของเอไอเอสจะ มีจำนวน 1,884 สถานีฐาน ตามที่รับอนุญาตจากคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการนำเข้าอุปกรณ์วิทยุโทรคมนาคม อีกทั้ง เอไอเอสยังได้บรรลุข้อตกลงกับ บมจ.ทีโอที ในการโรมมิ่งดาต้าในโครงข่ายทีโอที 3 จี จำนวนสูงสุด 1 ล้านเลขหมาย นอกจากนี้ เอไอเอสยังได้จัดงานแถลงข่าว ในหัวข้อ E3 ประกอบด้วย Enhanced Ecosystem Experience นอกจากนี้ จะมีการพูดถึงรี-แบรนด์เอไอเอส เพื่อรองรับการให้บริการ 3 จี

โดยวานนี้ (27 ก.ค.) นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร เอไอเอส ได้เปิดเผยเป็นการภายในกับพนักงาน ที่อาคารชินวัตร 1 ว่า การเปิด 3 จี จะทำให้เอไอเอสเป็นผู้นำในตลาดโทรคมนาคม และเอไอเอสเป็น รายแรกที่ให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ก่อนผู้ประกอบการรายอื่น นอกจากนี้ ยังขอให้พนักงานเตรียมความพร้อมที่จะให้บริการแก่ลูกค้าบนเทคโนโลยีใหม่ด้วย

นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด เอไอเอส ระบุเพียงว่า ในวันนี้จะเปิด 3 จีแล้วยังมีเรื่องการทำตลาดกับคู่ค้า พันธมิตร และการนำเสนอบริการเสริม (คอนเทนท์) และแอพพลิเคชั่น รวมทั้งยังมีโปรโมชั่น อัตราค่าบริการให้แก่ลูกค้า

ส่วน บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ได้เปิด 3 จี บนคลื่น 850 เมกะเฮิรตซ์ให้แก่พนักงานไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา และมีกำหนดเปิดตัว 3 จีในวันนี้ 15 ส.ค.นี้

ด้าน นางเดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ทีดีอาร์ไอได้สำรวจสภาพแวดล้อมในการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมปี 2553-2554 ร่วมกับองค์กร LIRNEasia พบศักยภาพการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมไทยอยู่ลำดับ 3 เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แถบเอเชีย ได้แก่ อินเดีย บังกลาเทศ อินโดนีเซีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ และศรีลังกา โดยสรุปคะแนนรวมที่ 5 คะแนน ไทยได้ 2.7 คะแนน

ประเทศที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ปากีสถาน 3.3 คะแนน จากการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมโปร่งใส มีระเบียบกติกาชัดเจน กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการควบคุมดูแลกิจการคืบหน้า คะแนนน้อยที่สุด 2.6 ได้แก่ บังกลาเทศ ศรีลังกา อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ แต่การสำรวจไม่ได้ชี้วัดว่าการกำกับดูแลขององค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ทำงานล้มเหลว เพราะเป็นการวัดสภาพตลาดโดยรวม ซึ่งมีเงื่อนไข และปัจจัยอื่นนอกเหนืออำนาจการกำกับดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายโรฮาน ซามาราจไจวา ประธานกรรมการบริหารขององค์กร LIRNEasia กล่าวว่า ปากีสถานแม้มีค่าธรรมเนียมใบอนุญาตราว 8,730 ล้านบาท แต่ก็กำหนดอัตราการจ่ายที่ชัดเจน และเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกราย และมีประกาศให้รู้ล่วงหน้าก่อนที่สัญญาสัมปทานเดิมจะสิ้นสุดลง ทำให้เกิดความชัดเจนต่อนักลงทุน และสร้างความมั่นใจผู้บริโภคได้ ต่างกับไทยที่แม้จะคิดค่าธรรมเนียมไม่สูง แต่ไร้กฎเกณฑ์แน่ชัด ทำให้สูญเสียผลประโยชน์จากความเสี่ยงในการลงทุน