“เอชพี” หวังเปลี่ยนทัศนคติผู้ใช้อิงค์แทงค์หันมาเลือกหมึกแท้ เผยเมืองการศึกษาดันยอดตลาดไอทีโต โดยเฉพาะภาคเหนือตอนล่างพิษณุโลกเป็นศูนย์กลาง ยอดขายสูงสุดในตลาดภูมิภาค...

แม้ดิจิตอลจะเข้ามามีบทบาทต่อชีวิต ประจำวัน และครอบคลุมไลฟ์สไตล์เราๆ ท่านๆ กันอย่างแพร่หลาย แต่กระดาษก็ยังมีบทบาทปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะภาคการศึกษา ซึ่งยังคงใช้กระดาษเป็นปัจจัยหลัก ระหว่างผู้เรียนและผู้สอนโดยเฉพาะในต่างจังหวัด และพื้นที่ศูนย์กลางการศึกษาต่างๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาดเครื่องพิมพ์ หรือพริ้นเตอร์ จะยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง...นายกฤษณ์ กิตติทัตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ตลาดคอนซูเมอร์กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เอชพี ชี้แจงว่า จากการคาดการณ์ของไอดีซีระบุว่า ภายในปีนี้ตลาดอิงค์เจ็ท พริ้นเตอร์ทั่วประเทศอาจมีอัตราเติบโต 8-10% และอาจมียอดขาย 1.4 ล้านเครื่อง สำหรับตลาดภูมิภาคนั้น ภาคเหนือตอนล่างถือเป็นตลาดที่มีอัตราเติบโตสูงสุด โดยกลุ่มเดสก์เจ็ท อิงค์ แอดเวนเทจ มีอัตราการเติบโตถึง 120% เป็นส่วนแบ่งในตลาดต่างจังหวัดถึง 60% จากเดิม 45% ซึ่งเชื่อว่ามีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากประชากรในต่างจังหวัดมากกว่ากรุงเทพฯ

“หลังช่วงเลือกตั้ง ที่ผ่านมา คาดว่าตลาดพรินเตอร์จะนิ่งขึ้น ภาครัฐมีส่วนขับเคลื่อนเติบโตอย่างมากจากการจัดซื้อสินค้าไอที ขณะที่ภาคการศึกษาก็เป็นเชคเมนต์สำคัญ เนื่องจากจำเป็นต้องมีการพัฒนาการเรียนการสอนตลอดเวลา เช่นเดียวกับตลาดคอนซูเมอร์ที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้น เชื่อว่าในปี 2555-2556 ตลาดจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายกฤษณ์ กล่าวผู้อำนวยการฝ่ายขาย ตลาดคอนซูเมอร์กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ เอชพี อธิบายเพิ่มเติมว่า ตลาดเดสก์เจ็ท อิงค์ แอดเวนเทจในจังหวัดพิษณุโลกนั้นเติบโตถึง 200% เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายของภาคกลาง ทั้งยังมีมหาวิทยาลัยซึ่งเปรียบเป็นศูนย์กลางการศึกษา และมีการทำตลาดแบบครบวงจรสอดคล้องกับการตลาดในกรุงเทพฯ จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ 4 รุ่น ครบความต้องการสำหรับกลุ่มการศึกษาเจาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษาโดยเฉพาะ ภายใต้ราคาย่อมเยาว์ด้วยหมึกพิมพ์แท้ราคา 320 บาท สามารถพิมพ์ได้ 600 แผ่น ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสามารถซื้อได้และรู้สึกคุ้มค่า เช่นเดียวกับราคาพรินเตอร์ซึ่งอยู่ที่ 2,900-3,900 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ เทคโนโลยีหัวพิมพ์ของเอชพียังมีคุณสมบัติดีขึ้น สามารถพิมพ์ได้โดยบีบน้ำหมึกให้ออกมาน้อยลงภายใต้คุณภาพงานพิมพ์เท่าเดิม ถือเป็นทางเลือกให้ผู้ขายและเปลี่ยนทัศนคติของผู้บริโภค

นายกฤษณ์ ยังอธิบายอีกว่า ปัจจุบัน สัดส่วนยอดขายพรินเตอร์เอชพีแบ่งเป็น ต่างจังหวัด 60% กรุงเทพฯ 40% สำหรับยอดขายเดสก์เจ็ท อิงค์ แอดเวนเทจ ในตลาดภูมิภาคที่มีสัดส่วนสูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ อีสาน และกลาง เนื่องจากเป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษาและบางพื้นที่มีปัญหาจากการใช้ พรินเตอร์ติดอิงค์แทงค์ ส่งผลให้ตลาดพรินเตอร์เติบโตอย่างรวดเร็วนายสุวรรณ ศรีรพีพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์คอมแอนด์เน็ตเวิร์ค จำกัด ผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอชพีในจังหวัดพิษณุโลก เล่าให้ฟังว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ตลาดพริ้นเตอร์มีอัตราการเติบโตผิดปกติ จากความนิยมติดตั้งอิงค์แทงค์เพื่อลดค่าหมึกพิมพ์แท้ซึ่งมีราคาแพง การติดตั้งอิงค์แทงค์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัย กระตุ้นกำลังซื้อและมีค่าใช้จ่ายแฝง เนื่องจากมีปัญหาหมึกไม่ไหลต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าแทบทุกราย ต้องนำพริ้นเตอร์กลับมาซ่อมภายใน 1-2 เดือน เกิดค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง และเสียเวลา

“ปัจจุบันลูกค้าจำนวนมาก ยังนิยมใช้พรินเตอร์ที่ติดอิงค์แทงค์ ขณะที่คนขายพรินเตอร์เริ่มไม่อยากแบกรับภาระค่าใช้จ่ายแฝงซึ่งเกิดจากปัญหา การติดอิงค์แทงค์ให้ลูกค้า แม้ทางร้านจะขายเฉลี่ย 2,590 บาทต่อเครื่อง แต่พบว่ามีการขาดทุนประมาณ 5 บาทต่อเครื่อง ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายแฝง 60 บาทต่อเดือน จากปัญหาค่าใช้จ่ายแฝง จึงมีหลายร้านลดคุณภาพหมึก หันไปใช้ของราคาถูก ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดปัญาการใช้งานและคุณภาพงานพิมพ์ตามมา” นายสุวรรณ กล่าว

กรรมการผู้จัดการ ไฟร์คอมแอนด์เน็ตเวิร์ค เล่ารายละเอียดให้ฟังด้วยว่า ปัญหาอีกประการสำหรับการใช้พริ้นเตอร์ติดอิงค์แทงค์คือ ทำให้ลูกค้าไม่ระมัดระวังในการสั่งพิมพ์ เพราะคิดว่าสามารถพิมพ์งานได้เยอะขึ้น จึงไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายแฝงที่เกิดจากการใช้อิงค์แทงค์ ในอดีตลูกค้านิยมซื้อพรินเตอร์ติดอิงค์แทงค์กว่า 95% ขณะที่ลูกค้าที่เคยใช้พรินเตอร์ประเภทดังกล่าวจะรู้ว่ามีปัญหาจากการใช้งาน บ่อย และตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้พรินเตอร์ทางเลือกใหม่ซึ่งเน้นหมึกพิมพ์ราคาถูก ทำให้สัดส่วนในปัจจุบันเปลี่ยนเป็นพรินเตอร์ติดอิงค์แทงค์ 70% เดสก์เจ็ท อิงค์ แอดเวนเทจ 25% และอื่นๆ อีก 5%

“อีกปัญหาที่พบคือการตั้งราคา เครื่องและราคาหมึกแท้ใกล้เคียงกัน มีลูกค้าหลายรายที่ใช้พรินเตอร์เพียงแค่หมึกพิมพ์ชุดแรกหมดแล้วทิ้ง ทำให้เกิดขยะเพิ่มขึ้น” นายสุวรรณ กล่าว