ร้อนฉ่าขึ้นมาทันควัน หลังค่ายมือถือมือวางอันดับ 2 "ดีแทค" เปิดเกมเดือดอีกครั้ง เมื่อประกาศชัดถ้อยชัดคำว่าจะเปิดให้บริการ 3G HSPA ในเดือน ส.ค.นี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววว่าจะเปิดบริการได้ด้วยวิธีไหน เพราะปัญหาคาราคาซังรอข้อคิดเห็นอัยการสูงสุด ตามที่ บมจ.กสท โทรคมนาคมยื่นเรื่องขอหารือเรื่องอำนาจในการอนุมัติการเปิดบริการ

ก็อย่างที่รู้กันว่า เหตุที่ "ดีแทค" ต้องรอเงกไร้อนาคต มีเหตุและปัจจัยมาจากการตัดสินใจใช้ไม้แข็งยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อขอระงับ การทำสัญญาธุรกิจระหว่าง "กสทฯและกลุ่มทรู"


ปมเงื่อนนี้ลามมาถึง 3 จี HSPA ด้วยอย่างช่วยไม่ได้ แต่จะปล่อยไปเฉย ๆ มองคู่แข่งเปิดตัวบริการ 3G กันโครมคราม โดยเป็นเจ้าเดียวที่ไม่มีคงไม่ใช่สไตล์ซีอีโอ “ดีแทค-จอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์” เป็นแน่

โดย "ซีอีโอ" ดีแทคระบุว่า มีสิทธิ์ชอบธรรมในการเปิดให้บริการ จากการได้รับใบอนุญาตให้ใช้เครื่องวิทยุคมนาคม หรืออุปกรณ์ใด ๆ ของเครื่องวิทยุคมนาคมจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับอธิบายว่า ใบอนุญาตดังกล่าวมีเนื้อหาและเงื่อนไขเหมือนที่ดีแทคได้รับสำหรับบริการ 2G ปัจจุบัน ดังนั้นเมื่อดีแทคได้รับใบอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์เพื่อให้บริการ HSPA ภายใต้สัญญาร่วมการงานกับ กสทฯ


และก่อนหน้านี้คณะกรรมการมาตรา 22 พ.ร.บ.ร่วมทุนที่กำกับดูแลสัมปทานดีแทคยังให้ความเห็นว่าดีแทคอัพเกรด HSPA ได้ภายใต้สัมปทาน จึงมั่นใจว่าจะไม่มีอุปสรรคหรือความเสี่ยงจากการเปิดบริการ HSPA อีกทั้ง กสทช.ยังสนับสนุนให้โอเปอเรเตอร์อัพเกรดบนคลื่นเดิม เหมือนที่เอไอเอสและทรูมูฟทำ


โดยวันที่ 25 ก.ค.นี้ "ดีแทคจะเปิดให้พนักงานกว่า 6,000 คน และลูกค้าบางกลุ่มทดลองใช้เครือข่าย 3G HSPA ที่ติดตั้งเสร็จแล้ว 400 แห่งในกรุงเทพฯ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพก่อนเปิดตัวเป็นทางการในกลางเดือน ส.ค.นี้ ภายใต้แนวคิด “Life Network เครือข่ายเพื่อชีวิตที่ดีกว่า”

การเปิดให้บริการดังกล่าวเป็นการเปิดบริการเชิงพาณิชย์ทำให้เรียกเก็บ เงินจากลูกค้าได้ คาดว่าจะได้รับความนิยมตามกระแสการเติบโตของสมาร์ทโฟนและทำให้ กสทฯได้รับส่วนแบ่งรายได้ในปีนี้กว่า 13,000-15,000 ล้านบาท


เรียกว่า ยกประโยชน์สุดท้ายที่ปลายทางมาเป็นเหตุเป็นผล พร้อมกับ "จอน" สำทับด้วยว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา บอร์ดบริษัทดีแทคได้อนุมัติเงินลงทุนอีก 850 ล้านบาท เพื่อติดตั้งสถานีฐาน HSPA เพิ่มอีก 820 ไซซ์ ให้ครอบคลุม 20 จังหวัด และมีแผนลงทุนอีก 750 ล้านบาท อีก 780 สถานีฐาน ให้ครอบคลุม 40 จังหวัด เบ็ดเสร็จแล้วในปี 2555 จะมีเครือข่าย HSPA ทั้งหมด 2,000 แห่ง


"ยอมรับว่ายังไม่ได้คุยกับซีอีโอ กสทฯ แต่หลังจากได้รับใบอนุญาตจาก กสทช.ได้ส่งหนังสือไป กสทฯว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช.ให้เปิดบริการ 3G HSPA ย่านความถี่ 839.0-849.0 เมกะเฮิรตซ์ และย่าน 884.0-894.0 เมกะเฮิรตซ์ เท่ากับว่าได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนแล้ว ไม่ได้ผิดสัญญาสัมปทานกับ กสทฯแต่อย่างใด และกำลังหาโอกาสเข้าไปคุยกับซีอีโอ กสทฯ เข้าใจว่าคงทราบเรื่องแล้ว ตนไม่คิดว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับ กสทฯแย่ลง เพราะเป็นโซลูชั่นที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์”


ขณะที่ "ซีอีโอ" ดีแทคมั่นอกมั่นใจเต็มร้อยว่าทำได้ แต่ฟาก "กสทฯและ กสทช." ต้นเรื่องกลับมีความเห็นไปในทางตรงกันข้าม


โดย "สุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร" กรรมการ กทช. ปฏิบัติหน้าที่แทน กสทช.กล่าวว่า ใบอนุญาต กสทช.เป็นใบอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ตาม พ.ร.บ.วิทยุโทรคมนาคม เช่นเดียวกับการอัพเกรดคลื่นเดิมเป็น HSPA สำหรับ กสทฯ ซึ่งเป็นเจ้าของคลื่น กรณีดีแทคจึงไม่สามารถดำเนินการได้เอง แต่ต้องได้รับการยินยอมจาก กสทฯ


เช่นเดียวกัน "จิรายุทธ รุ่งศรีทอง" ซีอีโอ บมจ.กสท โทรคมนาคม ระบุว่า การอ้างใบอนุญาตที่ได้รับ กสทช.เปิดบริการ 3G HSPA และเรียกเก็บเงินลูกค้าของดีแทคไม่ถูกต้อง เพราะอยู่ใต้สัญญาสัมปทาน กสทฯ ดังนั้นต้องรอหนังสือตอบกลับจากอัยการสูงสุดที่ กสทฯส่งไปถามถึงอำนาจว่าสามารถอนุมัติให้ดีแทคดำเนินการภายใต้สัญญาสัมปทาน เดิมได้หรือไม่ก่อน


เกมรุกคืบเปิดบริการ 3 จีคลื่นเดิมด้วยวิธีนี้ของ "ดีแทค" คงไม่สะดวกอย่างแน่นอน แต่กว่าจะถึงกลางเดือน ส.ค.ยังพอมีเวลาให้ลุ้นได้อีกว่าจะเคลียร์กันลงตัวหรือไม่ ในระหว่างนี้รีบประกาศตัวไปล่วงหน้าว่า พร้อมเปิดบริการกับเขาเช่นกัน เพื่อไม่ให้เสียลูกค้า หรือถ้าเปิดไม่ได้ก็ไม่ใช่เพราะไม่ตั้งใจเปิด


ซื้อใจ "ลูกค้า" โดยยอมเสียแต้มกับคู่สัญญาสัมปทานคงวัดกันยากว่าคุ้มไม่คุ้ม แต่ถ้าคิดว่าคงไม่แย่ไปกว่านี้ก็อีกเรื่อง

ขณะที่ "ดีแทค" ดิ้นสุดตัว ฟาก "ทรูมูฟ เอช และ กสท โทรคมนาคม" ก็เดินหน้าเต็มตัว
มี "เรียล มูฟ" ค่ายทรู นำร่องก่อน เปิดตัวแพ็กเกจใหม่ ภายใต้แบรนด์ “truemove H” ดึงเครือข่ายไว-ไฟที่มีครอบคลุมกว่าใครมาเป็นจุดเสริมความแข็งแกร่งให้ บริการของตนเอง


มีให้เลือก 3 แพ็กเกจ เช่น โปร “สมาร์ท 649” ค่าบริการ 649 บาท/เดือน โทร.ได้ 250 นาที เล่นเน็ตผ่าน 3G+/EDGE/GPRS ได้ 1.5 GB ใช้ Wi-Fi ไม่อั้น หรือ “ดาต้า 649” จ่ายเท่ากัน 649 บาท ไม่มีโทร.ฟรี แต่เพิ่มสิทธิ์เล่นดาต้าได้ถึง 3 GB มี Wi-Fi ไม่อั้นเช่นกัน หรือถ้าไม่สนใจใช้ดาต้ามากนัก ก็มีแพ็กเกจ “ทอล์ก & แชต สเปเชียลแพ็ก” จ่าย 3,600 บาท รับมือถือซัมซุง Caspi มูลค่า 1,990 บาท โทร.ได้ 3,600 บาท เล่นเน็ตได้ 100 MB เป็นต้น


ฟาก "กสทฯ" ได้ฤกษ์เปิดตัวแบรนด์ใหม่ 3G HSPA ชื่อ “my” มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Making it happen for all” โดยเตรียมทุ่มงบฯการตลาดกว่า 50 ล้านบาทจนถึงสิ้นปีนี้ มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นยอดลูกค้าให้ถึง 100,000 รายตามเป้า

ส่วนการเปิดตัวเป็นทางการจะจับคู่มากับ "ทรู" วันที่ 28 ส.ค.นี้ หลังขยายโครงข่ายได้ครบ 3,000 แห่ง
แต่ ถึงจะเป็นคู่หูพันธมิตรธุรกิจ แต่ “วิโรจน์ โตเจริญวาณิช” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจสื่อสารไร้สาย "กสทฯ" ยืนยันว่าเน้นทำตลาดแบบใครดีใครได้ ไม่มีฮั้ว


แพ็กเกจ “my” นับว่า เร้าใจนักท่องเน็ตสุด ๆ เพราะมีให้ใช้ดาต้าแบบไม่อั้นด้วยทุกแพ็กเกจ เริ่มต้นที่เดือนละ 590 บาท กับ “NetLite” เหมาะสำหรับผู้ใช้ iPad และแอร์การ์ด เพราะไม่มีโทร.ฟรี แต่ส่ง SMS ได้ 100 ครั้ง หากชอบทั้งเน็ตทั้งโทร. มี “NetSmart” ให้เลือกว่าจะจ่าย 690 บาทโทร.ฟรีทุกเครือข่าย 200 นาทีฟรี SMS 200 ครั้ง หรือจ่ายเดือนละ 790 บาท โทร.ฟรี 500 นาที SMS ฟรี 300 ครั้ง


"ช่วงแรกโครงข่าย 3G+ เพิ่งเปิดได้ 630 แห่ง การทำตลาดจึงยังค่อยเป็นค่อยไป แม้จะเปิดรับลูกค้าใหม่เต็มที่ แต่การแจ้งขอใช้บริการช่วงนี้ได้แค่ 3 จุด คือ ที่สำนักงานบริการลูกค้าหลักสี่, บางรัก และ CAT Shop จามจุรีสแควร์ แต่สำหรับลูกค้าที่อยู่นอกพื้นที่ 3G ก็โทร.เข้าออกและเล่นเน็ตได้ไม่สะดุดไม่จำกัดพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะโรมมิ่งโครงข่ายกับทรูมูฟ”


สำหรับลูกค้า CAT CDMA เดิม "วิโรจน์" บอกว่ากำลังทำระบบภายใน และโปรโมชั่นพิเศษให้ เพราะต้องโอนย้ายมายัง HSPA เพราะตั้งเป้าว่าจะปิดระบบ CDMA ภายใน 2 ปี หากปิดได้ก่อนกำหนดจะช่วยลดต้นทุนจากการดำเนินการ 2 ระบบ ปัจจุบันมีลูกค้า CDMA ทั่วประเทศ ประมาณ 1 ล้านราย หากการทำตลาดเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ คาดว่าในปีนี้ กสทฯจะมีลูกค้ารวม 1.1 ล้านราย

เรียกว่า ไม่มีใครยอมเป็นรองบนสมรภูมิ 3G คลื่นเดิมกันเลยทีเดียว