เฟซบุ๊ค-กูเกิล รุกไทย ชิงแชร์โซเชียล เน็ตเวิร์ค "พันล้าน" คนไทยใช้เน็ต 24.5 ล้านคน โตกว่า 30%ต่อปี ฮิตเฟซบุ๊คกว่า10ล้านคนกู เกิล - เฟซบุ๊ค ยักษ์อินเทอร์เทอร์เน็ตระดับโลก เร่งเครื่องลุยตลาดไทยเต็มรูปแบบ หลังเห็นการเติบโตอินเทอร์เน็ตพุ่งไม่หยุด ล่าสุดคนไทยใช้อินเทอร์เน็ต 24.5 ล้านคน โตปีละไม่ต่ำกว่า 30% "กูเกิล" ครองเจ้าตลาดเสิร์ช เอ็นจินในไทยเกือบ 100% บุกเบิกเครื่องมือโฆษณาออนไลน์จนโกยรายได้จากไทยไปมหาศาล ล่าสุดทุ่มงบทำโฆษณาลงสื่อทีวีไทยประกาศศักดาเบราเซอร์ "โครม" ขณะผู้บริหารเฟซบุ๊คเยือนไทยถี่ขึ้น หลังพบตัวเลขล่าสุดคนไทยฮิตเล่นเฟซบุ๊คกว่า 10 ล้านคน เป็นอันดับ 18 ของโลก ประกาศตั้งบริษัท "แอดแม็กซ์" ตัวแทนขายโฆษณาออนไลน์บนเฟซบุ๊คไทยอย่างเป็นทางการรายเดียว

ปรากฏการณ์ สะเทือนโลกออนไลน์ครั้งนี้ "กรุงเทพธุรกิจ" สัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงที่คุมตลาดไทยของเฟซบุ๊ค "นายจอห์น ประดิษฐ์วณิช" กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดแม็กซ์ เน็ตเวิร์ค ตัวแทนขายโฆษณาอย่างเป็นทางการรายเดียวในไทยที่ได้รับการแต่งตั้งจากเฟซบุ๊ค และกูเกิล "พรทิพย์ กองชุน" หัวหน้าฝ่ายการตลาดประเทศไทย กูเกิลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายจอห์น กล่าวว่า บริษัทได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทเฟซบุ๊ค ให้ดูแลการขายโฆษณาบนเฟซบุ๊คในไทย โดยจะดูแลทั้งหมด 5 ประเทศหลักๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม โดยจะเน้นการขายโฆษณา 2 รูปแบบ ได้แก่ 1.โฆษณาแบบมาร์เก็ตเพลส และ 2.โฆษณาแบบพรีเมี่ยม

เขา กล่าวว่า โฆษณาแบบพรีเมี่ยม คือ โฆษณาที่จะอยู่ในหน้าแรกของเฟซบุ๊คทันทีที่ล็อกอินเข้าไป ซึ่งโฆษณารูปแบบนี้ จะสามารถวัดผลได้ดี และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมาก แบบลงลึกถึงรายละเอียด เช่น เพศ การศึกษา ความสนใจ วันเกิด เป็นต้น โดยหน้าแรกของเฟซบุ๊คถือว่าเป็นหน้าที่มีทราฟฟิกมากที่สุด

"คุณสมบัติ ของโฆษณาแบบพรีเมี่ยมบนหน้าแรกของเฟซบุ๊คจะมีเยอะมาก ทั้งรูปแบบโฆษณาที่เป็นวีดีโอ เป็นโพล ที่สามารถวัดผลได้เลย เป็นการวัดผลแบบอิมเพรสชั่น หรือวัดจากความพึงพอใจ มีอัตราค่าโฆษณาต่อแคมเปญราว 1 หมื่นดอลลาร์ หรือประมาณ 3 แสนบาท ซึ่งลูกค้าในไทยปัจจุบันยังใช้บริการโฆษณาแบบพรีเมี่ยมไม่มาก มีสัดส่วนแค่ 10% ขณะที่ในยุโรป และอเมริกาจะฮิตโฆษณารูปแบบพรีเมี่ยมอย่างมาก เพราะสามารถครีเอทโฆษณาได้หลากหลายรูปแบบ มีเรื่องของครีเอทีฟ การวางแผน เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ฮาร์ดเซล ที่จะขายสินค้ามากไป ต้องเน้นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์"

ขณะนี้ เริ่มมีแบรนด์สินค้าที่เข้าใช้บริการโฆษณาแบบพรีเมี่ยมบ้างแล้ว เช่น ธุรกิจโทรคมนาคม เป็นต้น

นาย จอห์น บอกว่า รูปแบบโฆษณาบนเฟซบุ๊คที่ได้รับความนิยมมากในไทยกว่า 90% คือ รูปแบบมาร์เก็ตเพลสที่จะวัดผลเป็นคลิก ซึ่งจะเป็นโฆษณาที่อยู่ในหน้าโปรไฟล์ โดยการซื้อโฆษณาก็จะใช้วิธีการประมูล (Bid) ใครประมูลได้สูงก็จะได้พื้นที่โฆษณาไป

"เป้าหมายของบริษัท คือ การเอ็ดดูเคทให้ลูกค้า ใช้โฆษณาในแบบพรีเมี่ยมให้มากขึ้น เพราะโฆษณาไม่ใช่แค่ให้คนเข้ามาคลิด แต่ต้องสามารถสร้างการสื่อสารระหว่างแบรนด์สินค้า กับกลุ่มคนบนเฟซบุ๊คได้ด้วย ซึ่งตรงกับคอนเซปต์ของเฟซบุ๊ค ที่เขาเรียกตัวเองว่าเป็นคอมมูนิเคชั่น แพลตฟอร์ม คือ การลงโฆษณาบนเฟซบุ๊คต้องไม่ไปรบกวน เหมือนกับโฆษณาแบบทั่วๆ ไป"

เฟซบุ๊คไทยสุดฮิตผู้บริหารจับตา
ตัว แทนขายโฆษณาเฟซบุ๊คหนึ่งเดียวในไทย บอกว่า บริษัทจะรายงานผลดำเนินการโดยตรงถึงนายเดฟ หยาง ผู้บริหารเฟซบุ๊คที่ดูแลตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีฐานใหญ่อยู่ประเทศสิงคโปร์

"เท่าที่คุยกับคุณหยาง เขาค่อนข้างทรัสต์ในตัวบริษัท และตลาดไทยมาก เพราะเห็นว่าคนไทยสนใจเรื่องโซเซียล เน็ตเวิร์คสูงมาก จะเห็นได้ว่าผู้บริหารเฟซบุ๊คเริ่มเยือนประเทศไทย และประเทศแถบๆ นี้มากขึ้น เขามองว่า ตลาดไทยมีกลุ่มเป้าหมาย มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊คที่แอคทีฟ ถือเป็น 1 ในประเทศที่ใช้งานเฟซบุ๊คเติบโตมากที่สุดในโลก ซึ่งเขามองว่าไทยเป็นตลาดที่พร้อม ทั้งความแพร่หลายของอุปกรณ์โมบายต่างๆ ตลาดไทยมีความเป็นเทรนดี้ที่สูง พร้อมสำหรับเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่แบรนด์ และคอมมูนิตี้"

ปัจจุบัน มีคนไทยเล่นเฟซบุ๊ค 10.4 ล้านคน เล่นเฟซบุ๊คต่อสัปดาห์ราว 8.73 ล้านคน คิดเป็นจำนวนผู้เล่นต่อวัน 6 ล้านคน ขณะที่มีจำนวนผู้เล่นเฟซบุ๊คบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ 4 ล้านคน โดยเฉลี่ยมีคนไทยเล่นเฟซบุ๊คผ่านอุปกรณ์โมบายต่อสัปดาห์ 2.9 ล้านคน ขณะที่ คนไทยส่วนใหญ่เป็นเจ้าของอุปกรณ์ไอทีเฉลี่ย 2.1 เครื่อง โดยคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะยังคงเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ตามมาด้วยโน้ตบุ๊ค และสมาร์ทโฟน ทั้งนี้ ไอแพด และอุปกรณ์พกพาอื่นๆ ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และส่งผลต่อการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงขึ้นอย่างมาก

นายจอห์น กล่าวว่า การที่ผู้บริหารเฟซบุ๊คเข้ามาใกล้ชิดกับตลาดไทยมากขึ้น จะทำให้คนไทยได้รับประโยชน์จากรูปแบบการใช้งานด้านโซเชียล เน็ตเวิร์คใหม่ๆ เช่น ปัจจุบันคนไทยสามารถใช้คุณสมบัติ หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ในเฟซบุ๊คได้มากขึ้น ซึ่งภายในไตรมาส 4 เฟซบุ๊คจะเปิดบริการใหม่สำหรับคนไทยโดยเฉพาะ คือ เฟซบุ๊ค ดีล

หวังเฟซบุ๊คดันงบแอดฯออนไลน์เพิ่ม 5%
"ปัจจุบัน อัตราการเติบโตของโฆษณาออนไลน์ไทยยังอยู่ระหว่าง 1.5-2% หรือคิดเป็นเงินราว 1.4 -1.5 พันล้านบาท รวมโฆษณาบนหลายๆ แพลตฟอร์ม อย่างเว็บไซต์ต่างๆ เสิร์ชเอ็นจิน แต่ก็ยังถือว่า เป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับตลาดโฆษณาออนไลน์ในต่างประเทศ ซึ่งเป้าหมายของบริษัทต้องการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในงบโฆษณาออนไลน์เป็น 5% ใน 3ปี"

นายจอห์น กล่าวว่า คอนเซปต์ของการทำธุรกิจของเฟซบุ๊ค คือ ต้องมี "Benefit" ต่อคนในโซเซียล เน็ตเวิร์คของเขา ปัจจุบัน ในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศอินโดนีเซียมีผู้ใช้เฟซบุ๊คมากเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นไทย และฟิลิปปินส์

"สิ้นปี 2554 เฟซบุ๊คเขาคาดว่า จะเติบโตมากกว่าเดิมเยอะมาก ทั้งส่วนคนที่เข้ามาในคอมมูนิตี้ และเข้ามาลงโฆษณาออนไลน์ แบรนด์ส่วนใหญ่เริ่มเห็นประโยชน์ตรงนี้ค่อนข้างมาก" นายจอห์น กล่าว

ทั้ง นี้ 5 อันดับแรกของประเทศทั่วโลกที่ใช้เฟซบุ๊คมากที่สุด ตามการจัดอันดับของเว็บไซต์ Socialbakers.com ณ วันที่ 18 มิ.ย. 2554 ได้แก่ 1.สหรัฐอเมริกา 2.อินโดนีเซีย 3.อังกฤษ 4.ตุรกี และ 5 อินเดีย โดยประเทศไทยอยู่อันดับที่ 18 ของโลก

กูเกิลโหมโฆษณาลงสื่อไทยครั้งแรก
นาง สาวพรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาดประเทศไทย กูเกิลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า หลังกูเกิล เสิร์ช เอ็นจิน กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของอินเทอร์เน็ตไทยไปแล้ว ล่าสุด กูเกิลวางกลยุทธ์เพื่อเพิ่มการเข้าถึงเบราเซอร์ "โครม" โดยเปิดตัวโฆษณาทางโทรทัศน์นอกตลาดสหรัฐครั้งแรกในไทย ประกอบด้วย 3 เวอร์ชั่นซึ่งเป็นภาษาไทยและมีคอนเทนท์เชิงท้องถิ่นเข้าถึงใจผู้ใช้งาน มีกำหนดฉายรวม 1 เดือน

พร้อมทำแคมเปญ “เว็บคือสิ่งที่คุณสร้างสรรค์” นำเสนอแนวคิด เกี่ยวกับครอบครัว ชุมชน การสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม พยายามค้นหาตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการที่ผู้คนใช้เว็บเพื่อสร้างสรรค์ สิ่งดีๆ แล้วนำมาแบ่งปันแก่ผู้คนทั่วโลกเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการนำเสนอเรื่องราว ที่น่าสนใจต่อๆ กันไป

“การจัดทำแคมเปญครั้งนี้มีการผสมผสานการใช้ สื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ขององค์กร เมื่อครบกำหนดฉายจะวัดผลจากทั้งจากการรับรู้ การเข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ และจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น จากนั้นจะหาแนวทางที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นตลาดต่อไป”

ชี้"ไทย"โตเร็วสุดในเอเชียใต้
นาง สาวพรทิพย์ กล่าวว่า กูเกิลวางไทยไว้เป็นตลาดที่โตเร็ว และมีศักยภาพสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดทั้งปีนี้จะมีกิจกรรมรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งแคมเปญใหม่ๆ ทยอยเปิดตัวออกมาต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นกลุ่มคนใหม่ๆ ให้เข้ามาใช้เบราเซอร์โครมและบริการของกูเกิลมากขึ้น รวมถึงมีแผนลงทุนด้านบุคลากรโดยจะเสริมทัพฝ่ายขายเข้ามาช่วยรุกตลาดเร็วๆ นี้

ล่าสุด วันที่ 22 มิ.ย. นี้ กูเกิลมีกำหนดเปิดตัวแคมเปญใหญ่ระดับประเทศเพื่อช่วยธุรกิจและเอสเอ็มอีไทย เข้าสู่โลกออนไลน์ โดยความร่วมมือจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย

ขณะเดียวกัน จะใช้จุดแข็งในฐานะผู้ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดของตลาดเสิร์ช เอ็นจินไปเป็นกลไกสำคัญสำหรับการทำตลาดร่วมกับโลคอลพาร์ทเนอร์และผู้ให้ บริการมือถือ ผสมผสานเข้ากับทุกผลิตภัณฑ์ที่กูเกิลมี ไม่ว่าจะเป็นเบราเซอร์ เสิร์ชเอ็นจิน บล็อค กูเกิลแอดเวิร์ดส หรือยูทูบ

ปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจบริษัทมีฐานลูกค้ามากเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาค คิดเป็นสัดส่วนของผู้โฆษณาหลักหลายพันรายใน “แอดเวอร์ไทซิ่ง แพลตฟอร์ม” การทำตลาด “กูเกิลแอดเวิร์ดส” นอกจาก 2 โมเดลที่ใช้อยู่ก่อนแล้ว คือ 1. คอสต์ เปอร์ คลิก ที่วัดจากมูลค่าของคีย์เวิร์ด และเรทติ้งในการคลิก ซึ่งผู้โฆษณาจะต้องเสียเงินเมื่อมีผู้คลิกโฆษณานั้น และ 2.คอสต์ เปอร์ อิมเพรสชัน ที่ต้องจ่ายเมื่อมีการเข้าชมถึง 1,000 ครั้ง ภายในปีนี้จะนำโมเดล คอสต์ เปอร์ คอล หรือการจ่ายเมื่อมีการโทรออกผ่านผู้ใช้งานโมบาย อินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้ด้วย

ทั้งนี้ มีนักวิเคราะห์ในแวดวงไอทีไทย เคยประเมินว่า กูเกิล แอดเวิร์ดส เข้ามาโกยรายได้ในตลาดไทยไม่ต่ำกว่าพันล้านบาทเลยทีเดียว