เพราะยอมรับว่าแท็บเล็ตพิมพ์นิยมธรรมดาไม่สามารถแข่งขันได้ เอซุสประเทศไทยจึงประกาศลุยตลาดแท็บเล็ตในนาทีนี้ด้วยการนำเข้าแท็บเล็ต เฉพาะรุ่นอี-แพด ทรานฟอร์เมอร์ (Eee Pad Transformer) ซึ่งมีช่องต่อให้ผู้ใช้เสียบเชื่อมคีย์บอร์ดเพื่อใช้งานได้เหมือน คอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊ก ประเดิมทำโปรโมชันลงชื่อจองก่อนตลาดวาย 100 เครื่อง ก่อนจะขายจริงเต็มสูบในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม มั่นใจคีย์บอร์ดและราคาคือจุดต่างที่จะดันให้ยอดขายทั้งปีทะลุหลัก 1,000 เครื่อง

เชิดชัย โชคมงคลเสถียร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาการตลาด บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ว่าแม้เอซุสจะมีสินค้าที่เป็นแท็บเล็ตทรงกระดานชนวนในชื่อรุ่น อีสเลท (Eee Slate) ซึ่งวางจำหน่ายที่ไต้หวันแล้วตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่บริษัทมีจุดยืนเริ่มทำตลาดแท็บเล็ตที่รุ่นอี-แพด ทรานสฟอร์มเมอร์ในประเทศไทย เพราะเชื่อว่าเป็นรุ่นที่มีจุดขายเหนือกว่าคู่แข่ง

"แท็บเล็ตแบรนด์เอซุสมาช้ากว่าแบรนด์อื่น ขนาดโลคอลแบรนด์ยังวางขายแล้ว แต่เรามั่นใจว่าการวางขายพร้อมด็อคกิ้งสเตชัน (Docking Station) จะเป็นจุดขายสำคัญที่สร้างความแตกต่างในตลาดได้ ถ้าแยกเดี่ยวขายยากแน่นอนเพราะชนคู่แข่งตรงๆ ดังนั้นเราจึงไม่นำเข้ารุ่นอีสเลทเข้ามาจำหน่าย"

ด็อคกิ้งสเตชันที่เชิดชัยพูดถึงคือแท่นคีย์บอร์ดที่ผู้ใช้อี-แพด ทรานสฟอร์เมอร์จะสามารถเชื่อมต่อแท็บเล็ตเพื่อใช้งานในรูปคอมพิวเตอร์พีซี จุดนี้เอซุสระบุว่าหากเชื่อมต่อคีย์บอร์ด อี-แพด ทรานสฟอร์เมอร์จะสามารถยืดอายุแบตเตอรี่จากปกติ 9 ชั่วโมงเป็น 16 ชั่วโมงได้ ตัวเครื่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.1 (Honeycomb) รองรับแฟลชได้เต็มที่บนหน่วยประมวลผลเอ็นวิเดีย เทกราทู ดูอัลคอร์ กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซลและกล้องหน้า 1.2 ล้านพิกเซล รองรับภาพความละเอียดสูง 1080P ผ่านพอร์ต HDMI มาพร้อมแอปพลิเคชันด้านงานเอกสารและบริการมัลติมีเดียซึ่งรองรับคลาวด์คอม พิวติง

ราคาจำหน่ายแยกเฉพาะตัวแท็บเล็ตอยู่ที่ 14,900 บาท ราคารวมทั้งตัวแท็บเล็ตและแป้นคีย์บอร์ดอยู่ที่ 17,900 บาท เอซุสจำหน่ายแยกแป้นคีย์บอร์ดที่ 4,000 บาท

ไทยคือประเทศที่ 5 ในกลุ่มเอเชียที่มีการนำแท็บเล็ตรุ่นอี-แพด ทรานฟอร์เมอร์เข้ามาจำหน่ายในขณะนี้ โดยเอซุสมีความมั่นใจมากว่าอี-แพด ทรานสฟอร์เมอร์จะได้รับการตอบรับอย่างดีในประเทศไทยเช่นเดียวกับสิงคโปร์ที่ สามารถจำหน่ายเครื่องหมดภายใน 5 นาที

"ประเทศแรกที่จำหน่ายคือไต้หวัน ประเทศที่ 2 เป็นสิงคโปร์ช่วงต้นเดือน 6 ตามมาเป็นมาเลเซียและอินโดนีเซีย ถัดจากไทยก็จะเริ่มวางจำหน่ายในยุโรป เราไปแย่งชิงเครื่องมาช่วงแรกได้ 100 เครื่อง ทั้งปีคาดว่าเฉพาะรุ่นนี้จะจำหน่ายได้ 1,000 เครื่อง"

100 เครื่องแรกที่เอซุสจะทำตลาดในเมืองไทยนั้นจะยังไม่มีคีย์บอร์ดภาษาไทยเนื่อง จากบริษัทไม่ต้องการรอเวลาจำหน่ายพร้อมกันจนทำให้กระแสความต้องการอี-แพด ทรานสฟอร์เมอร์ตกลง แต่จะเปิดให้ชาวไทยลงชื่อสั่งจองผ่านโทรศัพท์เพื่อรับเครื่องในวันที่ 2 กรกฎาคม 2554 พร้อมรับสิทธิพิเศษและส่วนลด 2,000 บาท หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ อี-แพด ทรานสฟอร์เมอร์พร้อมคีย์บอร์ดภาษาไทยจึงเริ่มวางจำหน่ายเต็มที่ตามปกติ

"เทรนด์เปิดให้สั่งจองเครื่องก่อนวางจำหน่ายจริงเป็นกลยุทธ์ ที่ทำให้บริษัทได้ภาพความนิยมของคนไทยต่อสินค้า แต่ของเอซุสนั้นเน้นฮาร์ดเซลมากกว่าการสร้างแบรนด์ ซึ่งหวังตอบโจทย์กลุ่มคนที่อยากได้ไว้ใช้งานก่อนใครจริงๆ" เชิดชัยกล่าวพร้อมระบุว่าอี-แพด ทรานสฟอร์เมอร์ 100 เครื่องแรกจะเป็นรุ่นความจุ 16GB ที่รองรับไว-ไฟเท่านั้น คาดว่ารุ่น 3G จะเริ่มวางจำหน่ายตามมา

ไม่เพียงอี-แพด ทรานสฟอร์เมอร์ ที่เอซุสเน้นการจำหน่ายแท็บเล็ตพร้อมคีย์บอร์ดเป็นหลัก แต่เอซุสยังมีแผนจำหน่ายแท็บเล็ตรุ่นอีสไลเดอร์ (Eee Slider) ซึ่งมีคีย์บอร์ด QWERTY แนบไว้ด้านหลังเครื่องเพื่อให้ผู้ใช้ดึงออกมาเพื่อพิมพ์งาน คาดว่าจะเริ่มทำตลาดได้ภายในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม เอซุสไม่ใช่รายเดียวที่มีแนวคิดเมินแท็บเล็ตพิมพ์นิยม แต่เอเซอร์ (Acer) ผู้ผลิตพีซีสัญชาติเดียวกันนั้นเริ่มวางจำหน่ายแท่นคีย์บอร์ดเพื่อเชื่อมต่อ แท็บเล็ตตระกูลไอโคเนีย (iConia) แล้วเช่นกัน แต่เอซุสระบุว่าแท่นคีย์บอร์ดของตัวเองมีความเหนือกว่า โดยเฉพาะการให้ทัชแพด (TouchPad) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้สะดวกกว่า

ฟุ้งเน็ตบุ๊กยอดยังโต

ผู้บริหารเอซุสยืนยันว่าบริษัทไม่ได้รับผลกระทบด้านลบจากกระแสความนิ ยมแท็บเล็ต ที่ส่งให้สินค้าประเภทคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตมียอดขายกินส่วนแบ่งตลาด คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กทั่วโลกในขณะนี้ โดยยืนยันว่ายอดขายคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊ก (โน้ตบุ๊กรุ่นเล็กที่มีราคาประหยัดและคุณภาพด้อยกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไป) แบรนด์เอซุสนั้นยังมียอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในประเทศไทย

"ยอดขายเน็ตบุ๊กเรายังเพิ่ม ต่อเนื่อง เพราะค่ายอื่นไม่เล่นในตลาดนี้แล้ว ขณะนี้เราต้องเพิ่มการผลิต และสินค้าเน็ตบุ๊กนั้นอยู่ในภาวะสั่งมาไม่ทันขาย ที่เป็นเช่นนี้เพราะแท็บเล็ตกินตลาดคนละกลุ่ม แท็บเล็ตนั้นมุ่งกลุ่มตลาดผู้ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องที่ 2 ไม่ใช่กลุ่มที่หาเครื่องใหม่มาทดแทนเครื่องเดิม (Replacement) และเน็ตบุ๊กนั้นมุ่งกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องแรก"

อย่างไรก็ตาม ทิศทางของเอซุสนั้นสวนทางกับเวทีโลก ที่การสำรวจพบว่ายอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ทั่วโลกลดลงเพราะการเติบโตของตลาดแท็บเล็ต ทำให้ตลาดแท็บเล็ตกลายเป็นเค้กที่ทุกคนหวังครอบครอง รวมถึงคู่แข่งของเอซุสอย่างเอเซอร์ซึ่งประกาศทิ้งตลาดเน็ตบุ๊ก แล้วประกาศพร้อมรบในเวทีแท็บเล็ตแทน เบื้องต้นมีการประเมินว่าคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตนั้นมียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 18.3 ล้านเครื่องทั่วโลกในปี 2010 ที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์ว่าแท็บเล็ตรุ่นใหม่จะถูกเปิดตัวอีกราว 100 รุ่นในปีนี้