น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวว่า คาดว่าทางกระทรวงไอซีทีจะเรียกบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด หรือที่เรียกกันว่าสโคแพด มาลงนามในสัญญาจัดหาแท็บเล็ตสำหรับเด็ก ป.1 หรือโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) ได้ภายในวันที่ 4 พฤษภาคม 2555 หากทางอัยการสูงสุดส่งร่างสัญญาดังกล่าวกลับมายังกระทรวงไอซีทีได้ภายในวัน ที่ 3 พฤษภาคม 2555 ซึ่งทางสโคแพดรอเพียงเอกสารให้มาลงนามในสัญญาจากกระทรวงไอซีทีเท่านั้น เพื่อนำไปเป็นหลักฐานขอหลักทรัพย์ค้ำประกัน (แบงก์การันตี) ต่อไป

“ผมมั่นใจว่าจะได้เซ็นสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตได้ในสมัยที่ตนยังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีไอซีทีอยู่แน่นอน”

นอกจากนี้ กระทรวงไอซีทียังได้ยื่นของบประมาณเพิ่มเติมสำหรับโครงการแท็บแล็ตดังกล่าว จากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนอื่่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม นอกเหนือจากงบที่เคยทำเรื่องยื่นขอไปแล้วก่อนหน้านี้จำนวน 50 ล้านบาท อาทิ ในส่วนการประชาสัมพันธ์

ส่วนประเด็นความคืบหน้าที่คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ต้องส่งรายงานสรุปของบอร์ดภายหลังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสัญญา โครงการโทรศัพท์มือถือ 3G บนเทคโนโลยี HSPA ระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เสนอผลสรุปในกรณีดังกล่าวว่ามีมูลความผิด 5 ข้อภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 8 พฤษภาคมที่จะถึงนี้นั้น น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่า กสท จะส่งรายงานสรุปการพิจารณาในประเด็นดังกล่าวมายังกระทรวงไม่เกิน 8 พฤษภาคม 2555 นี้อย่างแน่นอน ซึ่งเราจะดูรายงานที่ส่งมาก่อนว่ามีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดอีก ก่อนจะส่งข้อมูลไปให้หน่วยงานนั้น อาทิ ป.ป.ช.

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวอีกว่า ล่าสุดกระทรวงไอซีทีร่วมกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสรอ. เปิดตัวระบบ Government Cloud Service อย่างเป็นทางการแล้ว โดยใช้งบในการดำเนินโครงการนี้ 50 ล้านบาท โดยมีแอปพลิเคชันจาก 30 หน่วยงานของรัฐที่นำมาเข้าร่วมในโครงการนี้ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวทดลองใช้มาตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีหน่วยงานเข้าร่วมทดลองจำนวน 10 หน่วยงาน ซึ่งได้รับความพึงพอใจถึง 69%

“คาดว่าภายใน 5 ปีแอปพลิเคชันที่ทำงานผ่านระบบคลาวด์ของภาครัฐจะมีมากกว่า 50% และนั่นจะทำให้ลดการลงทุนทางด้านไอทีของภาครัฐไปได้จำนวนมาก”

อย่างไรก็ดี ในปีนี้สิ่งที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายหลังจากโครงการดังกล่าว ก็คือ ระบบ GIN ที่เข้าสู่เวอร์ชัน 2.0 เกิดระบบ Smart Province รุ่นแรกๆ มีระบบ Application Market Place รองรับทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และอื่นๆ เพื่อเป็นที่รองรับการพัฒนาแอปพลิเคชันและคอนเทนต์ของประเทศต่อไป โดยจะมีระบบโทรคมนาคมที่ทันสมัยที่จะเริ่มมีการประมูลในปลายปีนี้มารองรับ