User Online ( 9 ) 
 ระบบสมาชิก  ตั้งเป็นหน้าแรก  แจ้งโอนเงิน
 ตะกร้าสินค้า ( 0 Item ) 
Home » ข่าว » (รายงานพิเศษ): สมาร์ตโฟน-แท็บเลต ดันซื้อขายออนไลน์โต9เท่า
 
 ค้นหาสินค้า
 ตู้ Close Rack (31)
 ตู้ Wall Rack (9)
 ตู้ Open Rack (5)
 ตู้ Rack Accessories (39)
 สายLAN(UTP) สายแลน (183)
 เครื่อง Server (35)
 เครื่องสำรองไฟ UPS (62)
 
 สมัครสมาชิกจดหมายข่าว
สมัครรับจดหมายข่าว รับข้อเสนอพิเศษ จากร้านค้า
 ข่าว

(รายงานพิเศษ): สมาร์ตโฟน-แท็บเลต ดันซื้อขายออนไลน์โต9เท่า

กระแสการเติบโตจากความนิยมใช้สมาร์ตโฟนและแท็บเลต กำลังส่งผลต่อเนื่องไปในหลากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการคาดการณ์ว่าจากการเติบโตของทั้งสองสิ่งจะช่วยเพิ่ม ยอดขายสินค้าออนไลน์มากขึ้น

จากมุมมองของ “ราคูเท็น” ผู้ดำเนินการเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับสามของโลกเทียบจากยอดขาย คาดว่าความนิยมในการใช้สมาร์ตโฟนและแท็บเลตอย่างแพร่หลายจะช่วยเพิ่มยอดขาย สินค้าออนไลน์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอย่างน้อย 9 เท่าในปีนี้

ขณะที่อุปกรณ์เคลื่อนที่ อาทิ สมาร์ตโฟน กลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่สร้างการเติบโตของยอดขายออนไลน์ในปัจจุบัน ราคูเท็นเชื่อว่าการใช้งานอุปกรณ์แท็บเลตที่เพิ่มขึ้นจะช่วยเพิ่มโอกาสทาง ธุรกิจให้กับผู้ค้าออนไลน์อย่างมาก

ราคูเท็นเห็นสัญญาณการเติบโตว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มจะซื้ออุปกรณ์มือ ถือมากกว่าคอมพิวเตอร์พีซี เห็นได้จากสถิติว่าเมื่อผู้ใช้พีซีเริ่มใช้สมาร์ตโฟนเพื่อซื้อสินค้าออนไลน์ ยอดการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า และเพิ่มขึ้นอีก 1.5 เท่าจากเดิมเมื่อเปลี่ยนมาใช้สมาร์ตโฟนเพียงช่องทางเดียว และตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 1.5 เท่า เมื่อลูกค้าใช้แอปพลิเคชั่นของราคูเท็น

เคนอิจิโร่ นะกะจิมา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอุปกรณ์เคลื่อนที่ บริษัท ราคูเท็น กล่าวว่าความสะดวกและประสบการณ์การท่องเว็บที่มีคุณภาพจากการใช้แท็บเลตนั้น ทำให้เชื่อว่าจะเห็นการเติบโตของยอดขายผ่านแท็บเลตในระดับใกล้เคียงกัน

ABI Research (บริษัทวิจัยการตลาด เอบีไอ) เผยว่า ภายในปี 2558 การชอปปิ้งผ่านทางอุปกรณ์ไร้สาย จะสร้างรายได้รวมทั่วโลกเป็นมูลค่ากว่า 163 พันเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 12 ของยอดรายได้จากการขายผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซทั้งหมด

ผลการวิจัยดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของบริษัทวิจัยฟอร์เรส เตอร์ (Forrester) ที่ว่า M-commerce (การซื้อขายสินค้าและบริการผ่านทางอุปกรณ์ไร้สาย) จะมีมูลค่าถึง 31 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2559

ปัจจุบันแท็บเลตเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย ไอเอ็มเอส สกรีน ไดเจสท์ (IMS Screen Digest) คาดการณ์ว่าภายในปี 2557 จะมีการกระจายสินค้าแท็บเลตอีกกว่า 70 ล้านเครื่อง

ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติได้ประเมินมูลค่าธุรกิจอี-คอมเมิร์ซภาย ในประเทศไทยราว 2 แสนล้านบาทในปี 2553 แต่กลับพบว่ามีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่ประกอบธุรกิจ ออนไลน์

ถึงแม้ว่าผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญต่อการชอปปิ้งตามหน้าร้าน ผู้ประกอบการควรพิจารณากลยุทธ์การใช้ช่องทางการขายที่หลากหลาย โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อเชื่อมโยงกับโซเชียล มีเดีย

ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2554 ฮิตไวซ์ (Hitwise) ทำการสำรวจและพบว่า “fan” หนึ่งคนในเฟซบุ๊กช่วยเพิ่มการแวะชมเว็บไซต์ร้านค้าได้ถึง 20 ครั้งในเวลา 1 ปี ผู้ประกอบการจึงควรวางแผนการใช้โซเชียล มีเดียประเภทต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่เพียงเฉพาะเพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ แต่รวมถึงการพัฒนาสินค้าและบริการอีกด้วย

“การขายสินค้าออนไลน์ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมสร้าง ช่องทางการขายให้แบรนด์ต่างๆ สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ดังนั้นการใช้ช่องทางในการขายที่หลากหลายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก” นะกะจิมา กล่าว

“M-commerce นับว่าเป็นช่องทางการขายที่น่าตื่นเต้นและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ในการเลือกใช้ช่องทางดังกล่าวไม่ควรละเลยการบริการที่คำนึงถึงความพึงพอใจ ของลูกค้าเช่นเดียวกับการให้บริการในร้านค้าออฟไลน์ (ร้านที่มีหน้าร้านจริง) ดังนั้น ผู้ประกอบการควรสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ของตนเองผ่านทุกช่องทาง ทั้ง ร้านค้าออฟไลน์ อุปกรณ์ไร้สาย และโซเชียล มีเดีย เพื่อเสนอบริการให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางที่ต้องการ

ล่าสุด กรุ๊ปปอน ผู้บุกเบิกและผู้นำในตลาดโลกด้านการพาณิชย์ระดับท้องถิ่น ได้เปิดตัว กรุ๊ปปอน ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ลูกค้าในประเทศไทยสามารถค้นหาและมีส่วนร่วมกับประสบการณ์ที่ดีที่ สุดในรูปแบบที่หลากหลาย ด้วยวิธีง่ายๆ ซึ่งรวมไปถึงสิ่งที่ดีที่สุดในการชม ชิม และชอปอย่างจุใจผ่านเว็บไซต์ www.mygroupon.co.th

ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 47ที่กรุ๊ปปอนเปิดให้บริการภายนอกสหรัฐอเมริกา โดยจะมีการเปิดตัวดีลพิเศษที่กรุงเทพฯ เป็นแห่งแรก และมีแผนจะขยายการให้บริการไปยังจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทยต่อไปในอนาคต

นับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551กรุ๊ปปอนได้ปฏิวัติรูปแบบการค้าในระดับท้องถิ่น ด้วยการช่วยให้คู่ค้าทางธุรกิจทั่วโลกมีแพลตฟอร์มการตลาดที่สามารถดึงดูด ความสนใจจากกลุ่มลูกค้าใหม่ พร้อมกับการบริหารจัดการและการขยายธุรกิจได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน กรุ๊ปปอนได้ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจหลายแสนรายทั่วโลก และปัจจุบันมีฐานลูกค้าที่ใช้งานอย่างต่อเนื่องกว่า 33ล้านคน ซึ่งซื้อสินค้าและบริการผ่านกรุ๊ปปอนอย่างน้อย 1 ครั้งในปีที่ผ่านมา
Copyright RackServerOnline.com 2010 - 2024. All rights Reserved.